09 พฤษภาคม 2568

พึ่งรู้ว่าผลไม้ “กล้วย” ช่วยลดความดันโลหิตได้

ใครจะไปรู้ว่าผลไม้ใกล้ตัวอย่าง “กล้วย” ที่หาทานง่าย ราคาไม่แพง แถมยังอร่อยถูกปากคนทุกเพศทุกวัย จะมีส รรพคุณทางโภชนาการที่อัดแน่น ช่วยบำรุงร่างกายได้อย่างมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่มีปัญหาเรื่องความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นภัยเงียบที่กำลังคุกคามสุขภาพของผู้คนทั่วโลกในยุคปัจจุบัน

ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า โรคความดันโลหิตสูงเป็นสาเหตุการเสียชีวิตทั่วโลกกว่า 9.4 ล้านคนต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศไทย พบผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงกว่า 10 ล้านคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจอย่างมาก

แม้ว่าโรคความดันโลหิตสูงจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ รวมถึงการใช้ยาตามที่แพทย์สั่ง

แล้วกล้วย.. ช่วยลดความดันโลหิตได้อย่างไร ?

กล้วยเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายหลายชนิด โดยเฉพาะ “โพแทสเซียม” ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยในการควบคุมความดันโลหิต โดยโพแทสเซียมจะทำหน้าที่ช่วยในการขับโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกายทางปัสสาวะ เมื่อร่างกายมีระดับโซเดียมลดลง ความดันโลหิตก็จะลดลงตามไปด้วย

นอกจากโพแทสเซียมแล้ว กล้วยยังอุดมไปด้วย “แมกนีเซียม” ซึ่งเป็นแร่ธาตุอีกชนิดหนึ่งที่ช่วยลดความดันโลหิตได้ โดยแมกนีเซียมจะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อเรียบของหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดขยายตัว ส่งผลให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น และความดันโลหิตลดลง

นอกจากนี้ กล้วยยังเป็นแหล่งของ “ใยอาหาร” ซึ่งเป็นสารอาหารที่ร่างกายไม่สามารถย่อยได้ แต่ใยอาหารจะช่วยเพิ่มปริมาณอุจจาระ ทำให้อุจจาระอ่อนนุ่ม ถ่ายสะดวก และยังช่วยดักจับไขมันและคอเลสเตอรอลไม่ให้ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดในระยะยาว

งานวิจัยยืนยัน กล้วยดีต่อผู้ป่วยความดันโลหิตสูงจริงหรือ?

มีงานวิจัยมากมายที่ศึกษาถึงประโยชน์ของกล้วยต่อผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง โดยงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Archives of Internal Medicine ได้ทำการศึกษาในกลุ่มตัวอย่างผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงจำนวน 1,269 คน พบว่า การรับประทานกล้วยเป็นประจำทุกวัน วันละ 2 ผล เป็นเวลาติดต่อกัน 4 สัปดาห์ สามารถช่วยลดความดันโลหิตตัวบน (systolic blood pressure) ได้เฉลี่ย 3.2 mmHg และลดความดันโลหิตตัวล่าง (diastolic blood pressure) ได้เฉลี่ย 1.4 mmHg

นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยอีกหลายชิ้นที่พบว่า การรับประทานกล้วยเป็นประจำ ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจขาดเลือด และโรคไตวายเรื้อรังได้อีกด้วย

กล้วย.. กี่แบบ กี่ชนิด เลือกทานแบบไหนดี?

กล้วยเป็นผลไม้ที่มีหลากหลายสายพันธุ์ แต่ละพันธุ์ก็จะมีรสชาติ สีสัน และคุณค่าทางโภชนาการที่แตกต่างกันเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้ว กล้วยทุกชนิดล้วนอุดมไปด้วยโพแทสเซียม ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งสิ้น

ชื่อพันธุ์กล้วย ลักษณะเด่น ปริมาณโพแทสเซียม (มก./100 กรัม)
กล้วยหอมทอง มีรสชาติหวาน เนื้อนุ่ม เหมาะสำหรับรับประทานสด 362
กล้วยน้ำว้า มีรสชาติหวานอมฝาดเล็กน้อย นิยมรับประทานทั้งดิบและสุก 370
กล้วยไข่ มีขนาดเล็ก รสชาติหวาน เนื้อแน่น นิยมรับประทานสด 422
กล้วยเล็บแม่กลอง มีขนาดเล็ก รสชาติหวาน เนื้อละเอียด นิยมรับประทานสด 520

ที่มา: กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

ข้อควรระวังในการทานกล้วย

แม้ว่ากล้วยจะมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย แต่ก็ควรเลือกรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม โดยทั่วไปแล้ว แนะนำให้รับประทานกล้วยไม่เกินวันละ 2 ผล เนื่องจากกล้วยมีปริมาณน้ำตาลค่อนข้างสูง การรับประทานมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ เช่น ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น และเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุได้

สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ เกี่ยวกับปริมาณการรับประทานกล้วยที่เหมาะสม เนื่องจากกล้วยมีคาร์โบไฮเดรตสูง อาจส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดได้

นอกจากนี้ ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังก็ควรจำกัดปริมาณการรับประทานโพแทสเซียม ซึ่งรวมถึงการรับประทานกล้วยด้วย เนื่องจากไตไม่สามารถขับโพแทสเซียมออกจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ การรับประทานโพแทสเซียมมากเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูง ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของหัวใจได้

Fun Fact เกี่ยวกับกล้วย

  • รู้หรือไม่ว่า จริงๆ แล้ว กล้วยไม่ได้จัดเป็นผลไม้ แต่จัดเป็น “ผลเบอร์รี่”
  • กล้วยเป็นพืชล้มลุกขนาดใหญ่ ไม่ใช่ต้นไม้
  • กล้วยมีสารที่ช่วยกระตุ้นการผลิต “เซโรโทนิน” ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย อารมณ์ดี ช่วยลดความเครียดได้
  • เปลือกกล้วยสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้มากมาย เช่น ขัดรองหนัง ขัดเฟอร์นิเจอร์ บำรุงต้นไม้ และทำปุ๋ย

#กล้วย #ความดันโลหิต #สุขภาพ #โพแทสเซียม

บทความน่าสนใจ

บทความยอดนิยมตลอดกาล

บทความที่อยู่ในกระแส