โรคเบาหวาน นับเป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพของผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศไทยที่พบผู้ป่วยโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุสำคัญของโรคนี้คือ ความผิดปกติของระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งเกิดจากการทำงานที่บกพร่องของฮอร์โมนอินซูลิน ทำให้ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ถือเป็นเป้าหมายสำคัญในการรักษา ซึ่งนอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตแล้ว การใช้ยาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะพาไปเจาะลึกถึงกลไกการทำงานของยาเม็ดรักษาโรคเบาหวานชนิดต่างๆ ที่มีส่วนช่วยในการรักษาโรคนี้
ยาเม็ดรักษาโรคเบาหวาน มีกี่ประเภท?
ยาเม็ดรักษาโรคเบาหวาน แบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ดังนี้
- ยาเพิ่มการหลั่งอินซูลินจากตับอ่อน ยากลุ่มนี้จะไปกระตุ้นให้ตับอ่อนผลิตอินซูลินมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ยาซัลโฟนิลยูเรีย (Sulfonylureas), ยาเมกลิตินाइडส์ (Meglitinides)
- ยาเพิ่มความไวของอินซูลิน ยากลุ่มนี้จะช่วยให้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีขึ้น ทำให้อินซูลินนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น ยาเมตฟอร์มิน (Metformin), ยาไธอะโซลิดิเนไดโอน (Thiazolidinediones)
- ยาชะลอการดูดซึมน้ำตาลจากลำไส้ ยากลุ่มนี้จะไปยับยั้งเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ย่อยแป้งและน้ำตาล ทำให้น้ำตาลถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดช้าลง ตัวอย่างเช่น ยาอะคาร์โบส (Acarbose)
- ยายับยั้งการทำงานของเอนไซม์ DPP-4 ยากลุ่มนี้จะช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนที่ช่วยในการหลั่งอินซูลิน ตัวอย่างเช่น ยาซิแทกลิปติน (Sitagliptin), ยาวิลดาไกลปติน (Vildagliptin)
- ยากลุ่ม SGLT2 inhibitors ยากลุ่มนี้จะไปยับยั้งการดูดซึมน้ำตาลกลับที่ไต ทำให้ร่างกายขับน้ำตาลออกทางปัสสาวะมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ยาดาพาไกลโฟซิน (Dapagliflozin), ยาเอมፓไกลโฟซิน (Empagliflozin)
ยาแต่ละประเภท เหมาะกับผู้ป่วยแบบไหน?
การเลือกใช้ยาแต่ละประเภทขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ระดับความรุนแรงของโรค ภาวะแทรกซ้อน อายุ โรคประจำตัว และการตอบสนองต่อยาของผู้ป่วยแต่ละราย โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและพิจารณาจ่ายยาที่เหมาะสมให้กับผู้ป่วยมากที่สุด
ข้อควรระวังในการใช้ยา
แม้ว่ายาเม็ดรักษาโรคเบาหวานจะมีประสิทธิภาพในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด แต่ก็อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น หรือภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ดังนั้น ผู้ป่วยควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และแจ้งให้แพทย์ทราบทันทีหากพบผลข้างเคียงจากการใช้ยา
Fun Fact เกี่ยวกับโรคเบาหวาน
รู้หรือไม่ว่า โรคเบาหวาน เคยถูกเรียกว่า “โรคปัสสาวะหวาน” เนื่องจากในอดีตการตรวจวินิจฉัยโรคทำได้โดยการชิมรสชาติปัสสาวะของผู้ป่วย หากปัสสาวะมีรสหวาน แสดงว่าผู้ป่วยมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ ซึ่งบ่งชี้ว่าอาจป่วยเป็นโรคเบาหวานได้
ข้อมูลสถิติที่น่าสนใจเกี่ยวกับโรคเบาหวาน
จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่า
- ในปี พ.ศ. 2564 ทั่วโลกมีผู้ป่วยเบาหวานมากถึง 537 ล้านคน
- คาดการณ์ว่าในปี พ.ศ. 2593 จะมีผู้ป่วยเบาหวานเพิ่มขึ้นเป็น 783 ล้านคน
- โรคเบาหวานเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 9 ของประชากรโลก
การดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิด การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานได้
#โรคเบาหวาน #ยาเบาหวาน #สุขภาพ #การรักษา