22 มีนาคม 2568

สองขั้วอำนาจ: จีนชั่งน้ำหนักระหว่างทรัมป์กับแฮร์ริส

สองขั้วอำนาจ: จีนชั่งน้ำหนักระหว่างทรัมป์กับแฮร์ริส

สองขั้วอำนาจ: จีนชั่งน้ำหนักระหว่างทรัมป์กับแฮร์ริส

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกามักเป็นที่จับตามองของทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศมหาอำนาจอย่างจีน ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้น เต็มไปด้วยความผันผวน ทั้งในด้านการค้า สิทธิมนุษยชน และความมั่นคง การกลับมาของโดนัลด์ ทรัมป์ หรือการขึ้นสู่อำนาจของคามาลา แฮร์ริส ล้วนแต่มีความหมายที่แตกต่างกันสำหรับจีน ซึ่งกำลังพิจารณาอย่างรอบคอบถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อยุทธศาสตร์ระดับโลกของตน

สมัยประธานาธิบดีทรัมป์นั้น จีนเผชิญกับสงครามการค้าที่ดุเดือด ภาษีนำเข้าสินค้าจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ข้อมูลจาก Peterson Institute for International Economics ระบุว่า การค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนลดลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงสงครามการค้า อย่างไรก็ตาม ทรัมป์มักเน้นที่ความสัมพันธ์ทวิภาคีมากกว่าความร่วมมือพหุภาคี ซึ่งบางครั้งก็เปิดช่องว่างให้จีนขยายอิทธิพลในเวทีโลกได้

ในทางกลับกัน แฮร์ริสนั้นถูกมองว่ามีแนวโน้มที่จะใช้วิธีการที่แตกต่างออกไป เธออาจให้ความสำคัญกับการสร้างพันธมิตรเพื่อกดดันจีนในประเด็นต่างๆ เช่น สิทธิมนุษยชนในซินเจียงและฮ่องกง งานวิจัยจาก Council on Foreign Relations ชี้ให้เห็นว่า แฮร์ริสมีแนวโน้มที่จะให้ความสำคัญกับประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนมากกว่าทรัมป์ ซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นกับจีนในประเด็นเหล่านี้ นอกจากนี้ แฮร์ริสยังแสดงท่าทีที่แข็งกร้าวต่อจีนในเรื่องทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นจุดร้อนที่มีความเสี่ยงต่อความขัดแย้งทางทหาร

ตารางด้านล่างแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างในมุมมองของทรัมป์และแฮร์ริสที่มีต่อจีน:

ประเด็น ทรัมป์ แฮร์ริส
การค้า เน้นการเจรจาทวิภาคี, ใช้ภาษีเป็นเครื่องมือ เน้นความร่วมมือพหุภาคี, กดดันผ่านพันธมิตร
สิทธิมนุษยชน ให้ความสำคัญน้อยกว่าประเด็นเศรษฐกิจ ให้ความสำคัญสูง, พร้อมใช้มาตรการกดดัน
ความมั่นคง เน้นการแข่งขันทางทหาร, ลดบทบาทในพันธมิตร เน้นการสร้างพันธมิตร, เสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคง

Fun Fact: รู้หรือไม่ว่า ปริมาณการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนมีมูลค่าสูงถึงหลายร้อยพันล้านดอลลาร์ต่อปี แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจที่สำคัญของทั้งสองประเทศ แม้จะมีความตึงเครียดทางการเมืองก็ตาม

สำหรับจีนแล้ว ทั้งทรัมป์และแฮร์ริสล้วนเป็น “สองขั้วอำนาจ” ที่มีทั้งโอกาสและความท้าทาย ทรัมป์อาจคาดเดาได้ยาก แต่ก็เปิดโอกาสให้จีนเจรจาต่อรองได้ ส่วนแฮร์ริสอาจมีความสามารถในการสร้างแนวร่วมกดดันจีนได้มากขึ้น แต่ก็อาจนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงกว่า จีนจึงต้องเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ โดยการวิเคราะห์สถานการณ์อย่างรอบคอบ และปรับยุทธศาสตร์ให้สัปปะรดกับความเปลี่ยนแปลงของการเมืองโลก

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในอนาคตจะเป็นตัวกำหนดทิศทางความสัมพันธ์ระหว่างสองมหาอำนาจนี้ และส่งผลกระทบต่อดุลอำนาจของโลกในระยะยาวอย่างแน่นอน

#การเมืองระหว่างประเทศ #จีน #สหรัฐอเมริกา #การเลือกตั้ง

บทความน่าสนใจ

บทความยอดนิยมตลอดกาล

บทความที่อยู่ในกระแส