31 มีนาคม 2568

เทคนิคที่จะช่วยให้คุณมีสมาธิและโฟกัสกับงาน

เทคนิคที่จะช่วยให้คุณมีสมาธิและโฟกัสกับงาน

เทคนิคที่จะช่วยให้คุณมีสมาธิและโฟกัสกับงาน

ในยุคที่เต็มไปด้วยสิ่งเร้าใจและการรบกวนมากมาย การรักษาสมาธิและโฟกัสกับงานให้ยาวนานกลายเป็นเรื่องท้าทายอย่างยิ่ง ข้อมูลจาก University of California Irvine พบว่า คนทำงานทั่วไปมักถูกขัดจังหวะทุก ๆ 11 นาที และกว่าจะกลับไปโฟกัสกับงานเดิมได้อีกครั้ง ต้องใช้เวลานานถึง 25 นาที! บทความนี้นำเสนอเทคนิคหลากแง่มุมที่จะช่วยเสริมสร้างสมาธิ และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานอย่างยั่งยืน

1. จัดระเบียบสภาพแวดล้อมการทำงาน

พื้นที่ทำงานที่รกและเต็มไปด้วยสิ่งรบกวนคือศัตรูตัวฉกาจของสมาธิ งานวิจัยจาก Princeton University Neuroscience Institute ยืนยันว่า สิ่งของระเกะระกะในบริเวณสายตาส่งผลต่อสมอง ทำให้ประสิทธิภาพในการประมวลผลข้อมูลลดลง เริ่มต้นจากการจัดโต๊ะทำงานให้เป็นระเบียบ เก็บสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกไป จัดไฟให้เหมาะสม และควบคุมอุณหภูมิห้องให้อยู่ในระดับที่สบาย เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง พร้อมโฟกัสกับงานตรงหน้าได้ดียิ่งขึ้น

2. กำหนดช่วงเวลาแห่งการโฟกัส

เทคนิค Pomodoro เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในการบริหารจัดการเวลา โดยแบ่งช่วงเวลาทำงานเป็นชุด ชุดละ 25 นาที สลับกับพักสั้น ๆ 5 นาที หลังจากทำงานครบ 4 ชุด จึงพักยาว 20-30 นาที การทำงานเป็นช่วง ๆ แบบนี้ช่วยป้องกันสมองล้า และทำให้สามารถจดจ่อกับงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

3. บริหารจัดการสิ่งรบกวน

เสียงโทรศัพท์ อีเมลแจ้งเตือน หรือแม้แต่เสียงพูดคุยจากเพื่อนร่วมงาน ล้วนเป็นอุปสรรคในการรักษาสมาธิ ปิดเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือและแอปพลิเคชันต่าง ๆ หรือตั้งค่าให้แจ้งเตือนเฉพาะเรื่องเร่งด่วนเท่านั้น หากทำงานในสภาพแวดล้อมที่เสียงดัง ลองใช้หูฟังตัดเสียงรบกวน หรือเปิดเพลงบรรเลงเบา ๆ เพื่อช่วยให้ผ่อนคลายและจดจ่อกับงานได้ดีขึ้น

4. ฝึกสติด้วยการทำสมาธิ

งานวิจัยจาก Harvard Medical School พบว่า การทำสมาธิเป็นประจำส่งผลดีต่อโครงสร้างของสมอง โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับสมาธิ ความจำ และการควบคุมอารมณ์ เพียงแค่สละเวลา 5-10 นาที ในตอนเช้าหรือก่อนเริ่มงาน ฝึกหายใจเข้าออกลึก ๆ และจดจ่ออยู่กับลมหายใจ การฝึกสติด้วยวิธีง่าย ๆ นี้จะช่วยให้จิตใจสงบ และพร้อมรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ได้อย่างมีสติ

5. พักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำงานของสมอง National Sleep Foundation แนะนำว่าผู้ใหญ่ควรนอนหลับประมาณ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน การพักผ่อนไม่เพียงพอนอกจากจะส่งผลต่อสุขภาพกายแล้ว ยังทำให้สมองอ่อนล้า ขาดสมาธิ คิดอะไรไม่ออก และตัดสินใจได้แย่ลง เข้านอนและตื่นนอนให้เป็นเวลา งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ก่อนนอน สร้างบรรยากาศในห้องนอนให้มืด เงียบ และเย็นสบาย เพื่อการนอนหลับที่เต็มอิ่มและตื่นมาพร้อมพลังในการทำงานอย่างเต็มที่

6. เลือกบริโภคอาหารที่เป็นประโยชน์

อาหารที่เรารับประทานมีผลต่อการทำงานของสมอง เลือกบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ต่อสมอง เช่น ปลา الدهنية ธัญพืชไม่ขัดสี ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ และผักใบเขียว อาหารเหล่านี้อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญที่ช่วยบำรุงสมอง ส่งเสริมการทำงานของระบบประสาท และเพิ่มประสิทธิภาพในการจดจ่อและมีสมาธิ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง เพราะจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยอาการง่วงซึมและขาดสมาธิ

7. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายไม่เพียงแต่ดีต่อสุขภาพกายเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพจิตและการทำงานของสมองอีกด้วย งานวิจัยจาก University of Illinois พบว่า การออกกำลังกายแบบแอโรบิก ช่วยเพิ่มขนาดของ hippocampus ซึ่งเป็นส่วนของสมองที่เกี่ยวข้องกับความจำและการเรียนรู้ การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยลดความเครียด เพิ่มระดับความสุข และช่วยให้สมองปลอดโปร่ง ส่งผลให้มีสมาธิและโฟกัสกับงานได้ดีขึ้น ลองออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาที สัปดาห์ละ 3-5 วัน เพื่อสุขภาพกายและใจที่ดีอย่างยั่งยืน

Fun Fact

สัตว์ ช่วงความสนใจ (วินาที)
ปลาทอง 9
แมวบ้าน 150
มนุษย์ 47

รู้หรือไม่ว่า ช่วงความสนใจโดยเฉลี่ยของมนุษย์นั้นสั้นกว่าปลาทองเสียอีก!

การมีสมาธิและโฟกัสกับงานเป็นทักษะที่ต้องฝึกฝน ลองนำเทคนิคที่กล่าวมาข้างต้นไปปรับใช้ และค้นหาวิธีที่เหมาะสมกับตัวเอง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างแท้จริง

#สมาธิ #โฟกัส #เทคนิค #ประสิทธิภาพ

บทความน่าสนใจ

บทความยอดนิยมตลอดกาล

บทความที่อยู่ในกระแส