วัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดโดสสูงและวัคซีนเสริมช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันในผู้สูงอายุ
การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ในผู้สูงอายุเป็นเรื่องสำคัญเนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอลงตามอายุ ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อนรุนแรงมากขึ้น งานวิจัยล่าสุดพบว่า วัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดโดสสูง (High-dose flu vaccine) และ วัคซีนเสริม (Adjuvanted flu vaccine) มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้ดีกว่าวัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบมาตรฐาน
ประสิทธิภาพของวัคซีนชนิดโดสสูง
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดโดสสูงมีปริมาณสารก่อภูมิคุ้มกันมากกว่าวัคซีนทั่วไปถึง 4 เท่า ซึ่งช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ จากการศึกษาของ National Institutes of Health (NIH) พบว่าวัคซีนชนิดนี้ลดความเสี่ยงการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ในผู้สูงอายุได้มากกว่า 24% เมื่อเทียบกับวัคซีนมาตรฐาน
วัคซีนเสริม (Adjuvanted Flu Vaccine)
วัคซีนเสริมมีส่วนผสมของสารเสริมภูมิคุ้มกัน (Adjuvant) ที่ช่วยเพิ่มการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน งานวิจัยจาก CDC ระบุว่าวัคซีนเสริมช่วยลดอัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลของผู้สูงอายุได้ถึง 19% เมื่อเทียบกับวัคซีนทั่วไป
ข้อมูลสถิติที่น่าสนใจ
จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่า:
- ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปี มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สูงกว่าวัยอื่น ๆ ถึง 10 เท่า
- วัคซีนไข้หวัดใหญ่ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตในผู้สูงอายุได้ถึง 50%
ตารางเปรียบเทียบประสิทธิภาพวัคซีน
ประเภทวัคซีน | ประสิทธิภาพในการป้องกัน (%) | อัตราการลดการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล (%) |
---|---|---|
วัคซีนมาตรฐาน | 40-60 | 10 |
วัคซีนชนิดโดสสูง | 60-80 | 24 |
วัคซีนเสริม | 55-75 | 19 |
Fun Fact
รู้หรือไม่? วัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดโดสสูงได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2009 และได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ในปี 2010 โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันในผู้สูงอายุ
สรุป
การเลือกใช้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดโดสสูงหรือวัคซีนเสริมเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้สูงอายุ เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้ดีกว่าวัคซีนมาตรฐาน และช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้อย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น การฉีดวัคซีนจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มผู้สูงอายุ
#วัคซีนไข้หวัดใหญ่ #ผู้สูงอายุ #สุขภาพ #ป้องกันโรค