อาการเบื่อหน่ายเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาว่างๆ หลังเลิกงาน วันหยุดสุดสัปดาห์ หรือแม้แต่ช่วงที่ต้องรอคอยอะไรบางอย่าง หลายคนเลือกที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เลื่อนดูวิดีโอสั้นๆ ในแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น TikTok, YouTube Shorts หรือ Instagram Reels ด้วยหวังว่าจะช่วยคลายความเบื่อหน่ายได้ แต่รู้หรือไม่ว่าพฤติกรรมนี้อาจไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา แต่กลับทำให้ความเบื่อหน่ายแย่ลงกว่าเดิม?
กลไกการทำงานของสมองกับการเสพติดวิดีโอสั้น
การเลื่อนดูวิดีโอสั้นๆ อย่างต่อเนื่องกระตุ้นให้สมองหลั่งสารโดพามีน (Dopamine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับความสุขและความพึงพอใจ (อ้างอิง: PMC7736853) เมื่อเราดูวิดีโอที่น่าสนใจ สมองจะตอบสนองด้วยการหลั่งโดพามีน ทำให้เรารู้สึกดีและอยากดูวิดีโอต่อไปเรื่อยๆ กลไกนี้คล้ายกับการเสพติดสารเสพติด เพราะสมองจะจดจำว่าการดูวิดีโอสั้นๆ เป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วในการสร้างความสุข
ยิ่งเราดูวิดีโอสั้นๆ มากเท่าไหร่ สมองก็จะยิ่งต้องการสิ่งกระตุ้นที่แรงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ได้ความรู้สึกพึงพอใจเท่าเดิม นั่นหมายความว่าวิดีโอที่เคยทำให้เรารู้สึกสนุกสนานในอดีต อาจจะไม่สามารถสร้างความสุขได้อีกต่อไป เราจึงต้องเลื่อนดูวิดีโอต่อไปเรื่อยๆ เพื่อค้นหาสิ่งที่น่าสนใจกว่าเดิม วนลูปแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นพฤติกรรมเสพติด
Fun Fact: มีงานวิจัยพบว่าผู้ที่ใช้เวลาดูวิดีโอสั้นๆ มากกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน มีแนวโน้มที่จะมีอาการซึมเศร้าและวิตกกังวลมากกว่าผู้ที่ใช้เวลาน้อยกว่า
ผลกระทบต่อสมาธิและความสามารถในการจดจ่อ
การดูวิดีโอสั้นๆ อย่างต่อเนื่องส่งผลเสียต่อสมาธิและความสามารถในการจดจ่อของเรา เนื่องจากวิดีโอเหล่านี้ถูกออกแบบมาให้มีความรวดเร็ว กระชับ และน่าติดตาม ทำให้เราคุ้นชินกับการรับข้อมูลในปริมาณมากในระยะเวลาอันสั้น เมื่อเราต้องเผชิญกับงานที่ต้องใช้สมาธิและความอดทน เช่น การอ่านหนังสือ การทำงาน หรือการเรียน เราอาจรู้สึกเบื่อหน่ายและไม่มีสมาธิจดจ่อได้นานเหมือนเดิม
(อ้างอิง: Microsoft Research Blog) งานวิจัยจาก Microsoft พบว่าช่วงความสนใจของมนุษย์ลดลงจาก 12 วินาทีในปี 2000 เหลือเพียง 8 วินาทีในปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้เทคโนโลยีและสื่อดิจิทัลอย่างแพร่หลาย การดูวิดีโอสั้นๆ เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้สมาธิของเราสั้นลง
ความเบื่อหน่ายที่แท้จริงคืออะไร?
ความเบื่อหน่ายไม่ใช่แค่ความรู้สึกว่างเปล่าหรือไม่มีอะไรทำ แต่เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเราต้องการอะไรบางอย่างที่มากกว่าความบันเทิงชั่วคราว ความเบื่อหน่ายอาจเป็นสัญญาณว่าเราต้องการความท้าทาย ความคิดสร้างสรรค์ การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หรือการเชื่อมต่อกับผู้อื่นอย่างแท้จริง การพยายามแก้ไขความเบื่อหน่ายด้วยการดูวิดีโอสั้นๆ จึงเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะเราไม่ได้เติมเต็มความต้องการที่แท้จริงของเรา
ทางออก: หยุดเลื่อน แล้วเริ่มลงมือทำ
เมื่อรู้สึกเบื่อหน่าย แทนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนดูวิดีโอ ลองทำกิจกรรมอื่นๆ ที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง เช่น
- อ่านหนังสือ
- เขียนบันทึก
- วาดรูปหรือระบายสี
- เล่นดนตรี
- ออกกำลังกาย
- เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ
- ทำอาหาร
- ใช้เวลากับเพื่อนและครอบครัว
- ทำงานอดิเรกที่ชอบ
กิจกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยคลายความเบื่อหน่าย แต่ยังช่วยพัฒนาทักษะ ความคิดสร้างสรรค์ และความสัมพันธ์ของเราอีกด้วย การหยุดเลื่อนดูวิดีโอสั้นๆ และเริ่มลงมือทำสิ่งที่มีความหมาย จะช่วยให้เราเอาชนะความเบื่อหน่ายได้อย่างยั่งยืน และสร้างชีวิตที่มีความสุขและสมดุลมากขึ้น
สถิติที่น่าสนใจเกี่ยวกับการใช้งานโซเชียลมีเดีย
สถิติ | ค่า | แหล่งอ้างอิง |
---|---|---|
จำนวนผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียทั่วโลก (ปี 2023) | 4.89 พันล้านคน | DataReportal |
เวลาเฉลี่ยที่ใช้บนโซเชียลมีเดียต่อวัน (ปี 2023) | 2 ชั่วโมง 31 นาที | DataReportal |
เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียที่รู้สึกว่าตัวเองติดโซเชียลมีเดีย | 45% | Statista |
ข้อมูลจาก DataReportal แสดงให้เห็นว่าจำนวนผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเวลาที่ใช้บนโซเชียลมีเดียต่อวันก็สูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเราควรตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพจิตและสมาธิของเรา
จากผลสำรวจของ Statista พบว่าเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียรู้สึกว่าตัวเองติดโซเชียลมีเดีย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าปัญหาการเสพติดโซเชียลมีเดียเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญและหาทางแก้ไข
โดยสรุปแล้ว การเลื่อนดูวิดีโอสั้นๆ อาจเป็นวิธีที่ง่ายในการคลายความเบื่อหน่ายในระยะสั้น แต่ในระยะยาวอาจส่งผลเสียต่อสมาธิ ความสามารถในการจดจ่อ และสุขภาพจิตของเรา การหันมาทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง จะช่วยให้เราเอาชนะความเบื่อหน่ายได้อย่างยั่งยืน และสร้างชีวิตที่มีความสุขและสมดุลมากขึ้น
#สุขภาพจิต #โซเชียลมีเดีย #ความเบื่อหน่าย #สมาธิ