เพียงสี่เดือนหลังจากที่กองทัพญี่ปุ่นโจมตีฐานทัพเรือเพิร์ลฮาร์เบอร์ สหรัฐอเมริกาก็ได้ตอบโต้กลับด้วยปฏิบัติการทางทหารที่ทั้งกล้าหาญและไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อน นั่นคือปฏิบัติการทิ้งระเบิดโตเกียวของดูลิตเติล ภายใต้การนำของพันโท เจมส์ เอช. ดูลิตเติล กองทัพอากาศสหรัฐฯ ได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด B-25 Mitchell จำนวน 16 ลำ บินขึ้นจากเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Hornet เพื่อไปโจมตีใจกลางเมืองหลวงของญี่ปุ่น การโจมตีครั้งนี้สร้างความเสียหายเพียงเล็กน้อย แต่ส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของชาวอเมริกันและทำให้ญี่ปุ่นต้องตกตะลึง
การเตรียมการอย่างลับๆ
แผนการทิ้งระเบิดโตเกียวถือกำเนิดขึ้นจากความต้องการที่จะตอบโต้ญี่ปุ่นหลังจากเหตุการณ์เพิร์ลฮาร์เบอร์ ประธานาธิบดีแฟรงกลิน ดี. รูสเวลต์ ต้องการโจมตีญี่ปุ่นโดยตรงเพื่อเป็นการแก้แค้นและเพื่อยกระดับขวัญกำลังใจของชาวอเมริกัน กองทัพเรือสหรัฐฯ ได้มอบหมายภารกิจนี้ให้กับพลเรือตรี เออร์เนสต์ เจ. คิง ซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองทัพเรือสหรัฐฯ ในมหาสมุทรแอตแลนติก และเขาได้เลือกพันโท เจมส์ เอช. ดูลิตเติล นักบินผู้มากประสบการณ์ มานำปฏิบัติการนี้
ปัญหาสำคัญคือการหาทางนำเครื่องบินทิ้งระเบิดไปยังญี่ปุ่น เนื่องจากสหรัฐฯ ไม่มีฐานทัพอากาศใดๆ อยู่ในระยะที่เครื่องบินทิ้งระเบิดทั่วไปจะบินไปถึงญี่ปุ่นได้ กองทัพเรือจึงตัดสินใจใช้เรือบรรทุกเครื่องบินเป็นฐานปล่อยเครื่องบิน โดยเลือกใช้เรือ USS Hornet เนื่องจากมีดาดฟ้าบินที่ยาวพอสำหรับเครื่องบิน B-25
การฝึกซ้อมสำหรับปฏิบัติการนี้เป็นไปอย่างลับๆ ที่ฐานทัพอากาศในฟลอริดา นักบินได้รับการฝึกฝนให้บินขึ้นจากระยะสั้นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการบินขึ้นจากดาดฟ้าเรือบรรทุกเครื่องบิน พวกเขายังได้รับการฝึกฝนให้ทิ้งระเบิดในระดับความสูงต่ำและบินในเวลากลางคืน
ปฏิบัติการอันกล้าหาญ
ในวันที่ 18 เมษายน 1942 เรือ USS Hornet พร้อมด้วยเรือคุ้มกัน ได้ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่มหาสมุทรแปซิฟิก บนดาดฟ้าเรือบรรทุกเครื่องบิน เครื่องบิน B-25 จำนวน 16 ลำ พร้อมด้วยลูกเรือ 80 นาย รอคอยเวลาที่จะปฏิบัติภารกิจ
อย่างไรก็ตาม แผนการก็เกิดความผิดพลาดเล็กน้อย เรือ USS Hornet ถูกเรือตรวจการณ์ของญี่ปุ่นพบก่อนเวลา ซึ่งหมายความว่าพวกเขาต้องปล่อยเครื่องบิน B-25 ในระยะที่ไกลกว่าที่วางแผนไว้ ซึ่งทำให้เชื้อเพลิงที่เหลืออยู่หลังจากทิ้งระเบิดแล้ว อาจไม่พอที่จะบินไปยังฐานทัพที่จีน
แม้จะเผชิญกับความเสี่ยง พันโทดูลิตเติลและลูกเรือของเขาก็ตัดสินใจที่จะบินต่อไปยังเป้าหมาย
เครื่องบิน B-25 ได้ทิ้งระเบิดโรงงาน คลังน้ำมัน และเป้าหมายทางทหารอื่นๆ ในโตเกียว โยโกฮาม่า และนาโกย่า แม้ว่าความเสียหายทางวัตถุจะค่อนข้างน้อย แต่ผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของทั้งสองฝ่ายนั้นมหาศาล
ผลลัพธ์และมรดก
หลังจากทิ้งระเบิด เครื่องบินส่วนใหญ่บินไปลงจอดในจีน โดยมีเพียงเครื่องบินลำเดียวที่ลงจอดในสหภาพโซเวียต นักบินส่วนใหญ่ได้รับความช่วยเหลือจากชาวจีนและสามารถกลับสู่สหรัฐอเมริกาได้อย่างปลอดภัย
แม้ว่าปฏิบัติการทิ้งระเบิดโตเกียวของดูลิตเติลจะไม่ได้สร้างความเสียหายต่อญี่ปุ่นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ก็มีผลกระทบต่อสงครามโลกครั้งที่ 2
- ยกระดับขวัญกำลังใจของชาวอเมริกัน: การโจมตีครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ ไม่ยอมแพ้หลังจากเหตุการณ์เพิร์ลฮาร์เบอร์ และพร้อมที่จะตอบโต้
- บั่นทอนขวัญกำลังใจของชาวญี่ปุ่น: การที่สหรัฐฯ สามารถโจมตีเมืองหลวงของญี่ปุ่นได้อย่างรวดเร็ว สร้างความหวาดกลัวและความไม่มั่นคงในหมู่ชาวญี่ปุ่น
- บีบให้ญี่ปุ่นปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์: ความหวาดกลัวต่อการโจมตีซ้ำ เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ญี่ปุ่นตัดสินใจโจมตีเกาะมิดเวย์ ซึ่งนำไปสู่ความพ่ายแพ้อย่างยับเยินของญี่ปุ่นในยุทธนาวีมิดเวย์
ปฏิบัติการทิ้งระเบิดโตเกียวของดูลิตเติล ถือเป็นหนึ่งในปฏิบัติการทางทหารที่โดดเด่นที่สุดในประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 ความกล้าหาญ ความเสียสละ และความมุ่งมั่นของพันโทดูลิตเติลและลูกเรือของเขา ได้กลายเป็นตำนานที่ยังคงถูกเล่าขานสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน
#สงครามโลก #ประวัติศาสตร์