ยุคสามก๊ก (ค.ศ. 220-280) นับเป็นยุคแห่งความวุ่นวายทางการเมืองและการศึกสงครามในประวัติศาสตร์จีน ทว่าท่ามกลางไฟสงครามและการแย่งชิงอำนาจ ยังปรากฏร่องรอยอันน่าสนใจของวิทยาการหลากหลายแขนง หนึ่งในนั้นคือ “การแพทย์แผนจีน” ซึ่งได้รับการพัฒนาและสืบทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ ยุคสามก๊กนับเป็นช่วงเวลาสำคัญที่การแพทย์แผนจีนได้แสดงบทบาทโดดเด่น ทั้งในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ การดูแลสุขภาพของทหารในกองทัพ ไปจนถึงการถูกนำมาใช้เชือมโยงกับความเชื่อและพิธีกรรมต่างๆ
อิทธิพลของแนวคิดหยิน-หยางและห้าธาตุ
การแพทย์แผนจีนในยุคสามก๊กยังคงยึดโยงกับหลักปรัชญาพื้นฐาน เช่นเดียวกับยุคก่อนหน้า นั่นคือแนวคิดเรื่อง “หยิน-หยาง” และ “ห้าธาตุ” โดยแพทย์แผนจีนเชื่อว่าร่างกายมนุษย์ประกอบด้วยพลังหยินและหยาง ซึ่งต้องรักษาสมดุลไว้เพื่อสุขภาพที่ดี หากพลังใดพลังหนึ่งมากหรือน้อยเกินไป ย่อมส่งผลให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ
ส่วนแนวคิดเรื่องห้าธาตุ (ไม้ ไฟ ดิน โลหะ น้ำ) ถูกนำมาใช้อธิบายความสัมพันธ์ของอวัยวะภายในร่างกาย ตลอดจนใช้วินิจฉัยโรคและกำหนดวิธีการรักษาที่เหมาะสม เช่น
ธาตุ | อวัยวะ | รสชาติ |
---|---|---|
ไม้ | ตับ ถุงน้ำดี | เปรี้ยว |
ไฟ | หัวใจ ลำไส้เล็ก | ขม |
ดิน | ม้าม กระเพาะอาหาร | หวาน |
โลหะ | ปอด ลำไส้ใหญ่ | เผ็ด |
น้ำ | ไต กระเพาะปัสสาวะ | เค็ม |
บทบาทของแพทย์แผนจีนในยุคสามก๊ก
ในยุคแห่งความผันผวน แพทย์แผนจีนมีบทบาทสำคัญในการรักษาผู้คน ตั้งแต่จักรพรรดิ ขุนนาง ไปจนถึงชาวบ้าน บันทึกทางประวัติศาสตร์และวรรณกรรมอิงประวัติศาสตร์อย่าง “สามก๊ก” ได้กล่าวถึงแพทย์แผนจีนชื่อดังหลายท่าน ที่สร้างคุณูปการต่อการแพทย์ในยุคนั้น ตัวอย่างเช่น
1. หัว佗 (Hua Tuo) : นับเป็นแพทย์แผนจีนที่โด่งดังที่สุดในยุคสามก๊ก ท่านมีความเชี่ยวชาญด้านการผ่าตัด โดยเฉพาะการผ่าตัดช่องท้อง ซึ่งนับเป็นเรื่องท้าทายอย่างมากในยุคที่ยังไม่มียาสลบและเครื่องมือที่ทันสมัย เล่ากันว่าหัวโต้นำ “ยาชาแบบดื่ม” มาใช้ก่อนการผ่าตัด แม้จะไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัดว่ายาชาชนิดนี้คืออะไร แต่นับเป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ล้ำหน้าในยุคนั้น
2. ต่งเฟิง (Dong Feng) : แพทย์ประจำตัวของโจโฉ มีชื่อเสียงด้านการรักษาโรคระบาดและไข้ทรพิษ ซึ่งระบาดหนักในช่วงปลายราชวงศ์ฮั่น ต่งเฟิงเป็นผู้สนับสนุนให้มีการนำ “วัคซีนป้องกันไข้ทรพิษ” มาใช้ในวงกว้าง โดยใช้วิธีนำหนองจากตุ่มหนองของผู้ป่วยที่เริ่มหายแล้ว มาทำให้แห้ง บดเป็นผง แล้วเป่าเข้าไปในจมูกของคนปกติ
นอกจากนี้ยังมีแพทย์แผนจีนอีกหลายท่านที่ปรากฏชื่อในวรรณกรรมสามก๊ก เช่น จางจงจิ่ง ผู้รวบรวมตำราการแพทย์ฉบับสำคัญ “伤寒杂病论” (Shang Han Za Bing Lun) ที่รวบรวมความรู้เกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บชนิดต่างๆ ไว้อย่างครอบคลุม
สมุนไพรจีนกับยุทธศาสตร์ในสามก๊ก
สมุนไพรจีนนับเป็นส่วนสำคัญในการแพทย์แผนจีน และถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในยุคสามก๊ก ทั้งในการรักษาโรคทั่วไป บรรเทาอาการบาดเจ็บจากสงคราม รวมไปถึงใช้เป็นยาพิษ สมุนไพรบางชนิดยังถูกนำมาใช้ประโยชน์ในด้านยุทธศาสตร์ เช่น
1. ฮวนฮวา (Huáng huā) หรือ ดอกไม้ทอง : สมุนไพรชนิดนี้มีสรรพคุณห้ามเลือด สมานแผล และแก้อักเสบ ในวรรณกรรมสามก๊กได้กล่าวถึงการใช้ฮวนฮวา รักษาแผลจากธนูและดาบในสนามรบ ว่ากันว่ากวนอู ขุนศึกผู้ยิ่งใหญ่ เคยได้รับการรักษาแผลถูกยิงด้วยธนูอาบยาพิษ โดยใช้ฮวนฮวาเป็นส่วนประกอบ
2. ฉางเอ๋อ (Cháng'é) หรือ ไคร้เครือ : สมุนไพรชนิดนี้มีฤทธิ์ในการขับลม แก้ท้องอืด บรรเทาอาการหวัด และใช้เป็นยาฆ่าเชื้อ ในยุคสามก๊ก ฉางเอ๋อถูกนำมาใช้ป้องกันโรคระบาด โดยเฉพาะในค่ายทหาร ซึ่งมีความแออัด อาจทำให้โรคแพร่ระบาดได้ง่าย
นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงการใช้สมุนไพรเป็น “ยาพิษ” ในวรรณกรรมสามก๊กอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแผนการลอบสังหารต่างๆ แม้จะไม่มีการระบุชนิดของสมุนไพรที่แน่ชัด แต่ก็นับเป็นการสะท้อนถึงความก้าวหน้า และความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพืชสมุนไพรของคนในยุคนั้นได้เป็นอย่างดี
ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับการแพทย์แผนจีนในยุคสามก๊ก
- แม้ในยุคที่วุ่นวายจากสงคราม แต่ผู้คนในยุคสามก๊กยังคงให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ และการแพทย์แผนจีนก็มีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน
- แพทย์แผนจีนในยุคสามก๊ก ไม่ได้เป็นเพียงผู้รักษาโรค แต่ยังเป็นนักวิทยาศาสตร์ นักปรัชญา และที่ปรึกษา ที่มีความรู้ และได้รับความเคารพนับถือจากผู้คน
- วรรณกรรมสามก๊ก แม้จะไม่ใช่บันทึกทางประวัติศาสตร์ที่แม่นยำนัก แต่ก็สะท้อนให้เห็นภาพรวมของวิถีชีวิต ความเชื่อ และความก้าวหน้าทางวิทยาการต่างๆ ในยุคสามก๊ก รวมถึงการแพทย์แผนจีน
สรุปแล้ว การแพทย์แผนจีนในยุคสามก๊ก นับเป็นมรดกทางปัญญาอันทรงคุณค่า ที่สะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญา ความชาญฉลาด และความพยายามของมนุษย์ ในการเอาชนะโรคภัยไข้เจ็บ และมีชีวิตที่ยืนยาว แม้ในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความยากลำบาก
#สามก๊ก #แพทย์แผนจีน #สมุนไพร #ประวัติศาสตร์จีน