เคล็ดลับการปลูกมะเขือพวงให้ลูกดก
มะเขือพวง เป็นพืชผักสวนครัวที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในประเทศไทย รสชาติขมเล็กน้อยเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว นิยมนำมาประกอบอาหารหลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นแกงเขียวหวาน ผัดเผ็ด หรือลาบ สร้างรสชาติจัดจ้านถูกปากคนไทย นอกจากรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์แล้ว มะเขือพวงยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการอีกด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจปลูกมะเขือพวงไว้รับประทานเอง บทความนี้ได้รวบรวมเคล็ดลับมากมายที่จะช่วยให้ต้นมะเขือพวงของคุณออกลูกดก เก็บเกี่ยวผลผลิตได้อย่างคุ้มค่า
1. การเลือกพันธุ์มะเขือพวง
พันธุ์มะเขือพวงมีให้เลือกหลากหลาย แต่ละพันธุ์มีลักษณะเด่นแตกต่างกัน ควรเลือกพันธุ์ที่เหมาะสมกับสภาพอากาศและพื้นที่ปลูก พันธุ์ที่นิยมปลูก ได้แก่
- พันธุ์ลูกผสม เช่น พันธุ์เจ้าพระยา ให้ผลผลิตสูง ทนทานต่อโรค
- พันธุ์พื้นเมือง เช่น พันธุ์เขียว พันธุ์ม่วง รสชาติเข้มข้น เป็นที่ต้องการของตลาด
2. การเตรียมดินและปลูก
มะเขือพวงเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทราย ระบายน้ำดี มีความเป็นกรด-ด่าง pH ระหว่าง 6.5-7.0 ก่อนปลูกควรปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ผสมกับดินปลูกในอัตราส่วน 1:1 เพื่อเพิ่มธาตุอาหารในดิน
สามารถปลูกมะเขือพวงได้ทั้งแบบหว่านเมล็ดและแบบย้ายกล้า โดยขุดหลุมปลูกให้มีความลึกประมาณ 10-15 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 50-60 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 80-100 เซนติเมตร หลังจากปลูกแล้ว ควรคลุมดินด้วยฟางข้าว แกลบ หรือใบไม้แห้ง เพื่อช่วยรักษาความชื้นในดิน
3. การให้น้ำและปุ๋ย
ควรรดน้ำมะเขือพวงอย่างสม่ำเสมอ วันละ 1-2 ครั้ง ในช่วงเช้าและเย็น โดยสังเกตความชื้นของดินเป็นหลัก หลีกเลี่ยงการรดน้ำจนดินแฉะ เพราะอาจทำให้รากเน่าได้
การใส่ปุ๋ยเป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มผลผลิตมะเขือพวง ควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก 1-2 ครั้ง/เดือน สลับกับการใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-8 ในปริมาณที่เหมาะสม โดยใส่ปุ๋ยรอบโคนต้น แล้วรดน้ำตามทันที
4. การดูแลรักษา
การกำจัดวัชพืชเป็นสิ่งสำคัญ เพราะวัชพืชแย่งน้ำและอาหารจากต้นมะเขือพวง ควรหมั่นกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ โดยสามารถถอนด้วยมือ หรือใช้จอบเล็กๆ พรวนดินรอบๆ โคนต้น
มะเขือพวงมักพบปัญหาเรื่องโรคและแมลง เช่น โรคใบจุด โรครากเน่า และหนอนใบบุ้ง ควรหมั่นตรวจดูต้นมะเขือพวงอย่างสม่ำเสมอ หากพบการระบาดของโรคและแมลง ควรใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่เหมาะสม และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
5. การเก็บเกี่ยว
มะเขือพวงสามารถเก็บเกี่ยวได้ภายใน 45-60 วัน หลังจากย้ายปลูก โดยเลือกเก็บผลที่โตเต็มที่ ผิวเต่งตึง มีสีเขียวสด การเก็บเกี่ยวควรทำในช่วงเช้า เพื่อให้ผลผลิตสดใหม่ เก็บรักษาได้นาน
Fun Fact เกี่ยวกับมะเขือพวง
ทราบหรือไม่ว่า มะเขือพวง 100 กรัม ให้พลังงานเพียง 25 กิโลแคลอรี่ เท่านั้น แต่กลับอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายมากมาย เช่น วิตามินซี วิตามินเอ ธาตุเหล็ก และแคลเซียม นอกจากนี้ มะเขือพวงยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัย และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
ตารางแสดงปริมาณสารอาหารในมะเขือพวง 100 กรัม
สารอาหาร | ปริมาณ |
---|---|
พลังงาน | 25 กิโลแคลอรี่ |
คาร์โบไฮเดรต | 5.7 กรัม |
โปรตีน | 1.2 กรัม |
ไขมัน | 0.2 กรัม |
วิตามินซี | 14 มิลลิกรัม |
วิตามินเอ | 54 หน่วยสากล |
ธาตุเหล็ก | 0.9 มิลลิกรัม |
แคลเซียม | 9 มิลลิกรัม |
ที่มา: กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
การปลูกมะเขือพวงให้ประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ใส่ใจในรายละเอียด เริ่มตั้งแต่การเลือกพันธุ์ การเตรียมดิน การให้น้ำและปุ๋ยอย่างเหมาะสม การดูแลรักษา และการเก็บเกี่ยวอย่างถูกวิธี รับรองว่าคุณจะมีมะเขือพวงลูกดก ปลอดภัย ไร้สารพิษ ไว้รับประทานเองที่บ้านอย่างแน่นอน
#มะเขือพวง #ปลูกผัก #เกษตรอินทรีย์ #อาหารไทย