เมื่อเรามองออกไปยังท้องทะเลอันกว้างใหญ่ สิ่งแรกที่สะดุดตาคงหนีไม่พ้นสีสันอันงดงาม บางครั้งเป็นสีฟ้าครามสดใส บางครั้งเป็นสีเขียวมรกตชวนหลงใหล เคยสงสัยกันไหมว่าอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้ทะเลมีสีสันแตกต่างกันออกไป? บทความนี้จะพาไปค้นหาคำตอบที่น่าสนใจเกี่ยวกับความลับของสีสันแห่งท้องทะเลกัน
แสงแดด: จุดเริ่มต้นของทุกสรรพสี
แท้จริงแล้วสีสันของท้องทะเลไม่ได้เกิดจากตัวน้ำทะเลเองโดยตรง แต่เกิดจากการกระเจิงของแสงอาทิตย์ที่ตกกระทบลงบนผิวน้ำ แสงแดดประกอบด้วยแสงสีต่างๆ 7 สี ได้แก่ ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง เมื่อแสงแดดผ่านเข้ามาในน้ำ โมเลกุลของน้ำจะดูดกลืนแสงสีแดง ส้ม เหลือง และเขียว ไว้ได้ดีกว่าสีน้ำเงิน ส่วนแสงสีน้ำเงินจะถูกกระเจิงออกไปในทุกทิศทาง ทำให้เรามองเห็นน้ำทะเลเป็นสีฟ้า
สาหร่าย: ศิลปินแห่งสีเขียว
นอกจากแสงแดดแล้ว สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่เรียกว่า “แพลงก์ตอนพืช” ก็มีบทบาทสำคัญในการกำหนดสีสันของท้องทะเล แพลงก์ตอนพืชมีสารสีเขียวที่เรียกว่า “คลอโรฟิลล์” ซึ่งทำหน้าที่ดูดกลืนแสงแดดเพื่อใช้ในการสังเคราะห์แสง เมื่อแพลงก์ตอนพืชมีจำนวนมาก น้ำทะเลบริเวณนั้นก็จะยิ่งมีสีเขียวชัดเจนขึ้น
ปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อสีสัน
นอกจากแสงแดดและแพลงก์ตอนพืชแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อสีสันของท้องทะเล เช่น
- ความลึกของน้ำ: ยิ่งน้ำลึก แสงแดดก็ยิ่งส่องลงไปได้น้อย ทำให้น้ำทะเลมีสีเข้มขึ้น
- ตะกอน: ตะกอนดิน ทราย หรือโคลน ที่ถูกพัดพามาจากแม่น้ำหรือชายฝั่ง สามารถทำให้น้ำทะเลมีสีขุ่นหรือเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลได้
- สิ่งปนเปื้อน: สารเคมีหรือของเสียที่ถูกปล่อยลงสู่ทะเล อาจส่งผลต่อปริมาณและชนิดของแพลงก์ตอนพืช ซึ่งส่งผลต่อสีสันของน้ำทะเลได้เช่นกัน
ความมหัศจรรย์ที่ซ่อนอยู่
สีสันอันหลากหลายของท้องทะเลไม่เพียงแต่สร้างความสวยงามตระการตา แต่ยังสะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศทางทะเลอีกด้วย การทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อสีสันของท้องทะเล จะช่วยให้เราสามารถอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลอันมีค่านี้ไว้ให้คงอยู่ต่อไป
#ทะเล #สีฟ้า #สีเขียว #วิทยาศาสตร์