อาการอาเจียนในเด็กเป็นเรื่องปกติที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในช่วงวัยทารกและเด็กเล็ก แม้ว่าอาการอาเจียนส่วนใหญ่จะไม่ร้ายแรงและมักจะหายไปเองภายใน 1-2 วัน แต่ในบางกรณีอาการอาเจียนอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงโรคหรือภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ บทความนี้จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุของอาการอาเจียนในเด็ก วิธีดูแล และเวลาที่ควรไปพบแพทย์
สาเหตุของอาการอาเจียนในเด็ก
อาการอาเจียนในเด็กมีสาเหตุได้หลายอย่าง ตั้งแต่สาเหตุทั่วไปที่ไม่ร้ายแรงไปจนถึงสาเหตุที่ร้ายแรง ซึ่งสาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่:
- การติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย: เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของอาการอาเจียนในเด็ก เช่น โรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบจากไวรัส (Gastroenteritis) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “โรคอาหารเป็นพิษ”
- การแพ้อาหาร: เด็กบางคนอาจแพ้นมวัว ไข่ ถั่ว หรืออาหารทะเล ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการอาเจียนได้
- ภาวะอาหารเป็นพิษ: การรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรค เช่น แบคทีเรีย หรือสารพิษ สามารถทำให้เกิดอาการอาเจียนและท้องเสียได้
- การกลืนกินสิ่งแปลกปลอม: เด็กเล็กอาจเผลอกลืนกินสิ่งของชิ้นเล็กๆ เช่น เหรียญ กระดุม หรือของเล่น ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการอาเจียนได้
- โรคติดเชื้ออื่นๆ: เช่น ไข้หวัด หูติดเชื้อ ปอดบวม หรือติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
- การเคลื่อนไหว: เด็กบางคนมีอาการเมารถ เมาเรือ หรือเมาเครื่องบิน ซึ่งทำให้เกิดอาการคลื่นไส้และอาเจียนได้
- การได้รับยาบางชนิด: ยาบางชนิดเช่น ยาปฏิชีวนะ ยาเคมีบำบัด อาจมีผลข้างเคียงทำให้อาเจียนได้
- สาเหตุที่ร้ายแรง: แม้จะพบได้น้อย แต่อาการอาเจียนอาจเป็นสัญญาณของโรคหรือภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้ เช่น ไส้ติ่งอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือเนื้องอกในสมอง
วิธีดูแลเด็กที่อาเจียน
เป้าหมายในการดูแลเด็กที่อาเจียนคือการป้องกันภาวะขาดน้ำและทำให้เด็กรู้สึกสบายขึ้น ซึ่งสามารถทำได้โดย:
- ให้เด็กดื่มน้ำมากๆ: ควรให้เด็กจิบน้ำบ่อยๆ เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำจากการอาเจียน สามารถให้ดื่มน้ำเกลือแร่สำหรับเด็ก น้ำผลไม้เจือจาง หรือน้ำซุปใสๆ ได้
- ให้เด็กรับประทานอาหารอ่อนๆ: เมื่อเด็กเริ่มรู้สึกดีขึ้น ควรให้เด็กรับประทานอาหารอ่อนๆ ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก หรือขนมปังปิ้ง หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง รสจัด หรือมีรสหวานมากเกินไป
- ให้เด็กพักผ่อนให้เพียงพอ: การพักผ่อนจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
- สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด: หากอาการของเด็กไม่ดีขึ้น หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ไข้สูง ปวดท้องรุนแรง ถ่ายเป็นเลือด หรือซึมลง ควรรีบพาเด็กไปพบแพทย์ทันที
สัญญาณเตือนที่ควรพาเด็กไปพบแพทย์
แม้ว่าอาการอาเจียนส่วนใหญ่จะไม่ร้ายแรง แต่ในบางกรณีอาจเป็นสัญญาณของโรคหรือภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ ควรรีบพาเด็กไปพบแพทย์ทันทีหากพบอาการดังต่อไปนี้:
อาการ | คำอธิบาย |
---|---|
อาเจียนรุนแรงหรืออาเจียนติดต่อกันนานกว่า 24 ชั่วโมง | อาจบ่งบอกถึงภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรง |
อาเจียนเป็นเลือด หรืออาเจียนมีลักษณะเป็นกากกาแฟ | อาจบ่งบอกถึงเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนต้น |
ปวดท้องรุนแรง | อาจบ่งบอกถึงไส้ติ่งอักเสบหรือภาวะอื่นๆ ที่ร้ายแรง |
ไข้สูง (38 องศาเซลเซียสหรือสูงกว่า) | อาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อแบคทีเรีย |
ท้องเสียรุนแรงหรือถ่ายเป็นเลือด | อาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อในลำไส้ใหญ่ |
ซึมลง ไม่ตอบสนอง หรือมีอาการชัก | อาจบ่งบอกถึงภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ |
มีอาการขาดน้ำ เช่น ปากแห้ง ตาโหล ผิวหนังเหี่ยว | อาจบ่งบอกถึงภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรง |
น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว | อาจบ่งบอกถึงโรคเรื้อรังหรือภาวะขาดสารอาหาร |
Fun Fact: ทราบหรือไม่ว่าเด็กทารกที่กินนมแม่มีโอกาสน้อยกว่าที่จะอาเจียนรุนแรงเมื่อเทียบกับเด็กทารกที่กินนมผสม เนื่องจากนมแม่มีสารอาหารและภูมิคุ้มกันที่ช่วยป