26 มีนาคม 2566

ผลตอบแทนกองทุนยุโรปตามหลังสหรัฐฯ หลัง T+1

ผลตอบแทนกองทุนยุโรปตามหลังสหรัฐฯ หลัง T+1

ผลตอบแทนกองทุนยุโรปตามหลังสหรัฐฯ หลัง T+1

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาดการเงินทั่วโลกได้เผชิญกับความผันผวนและความไม่แน่นอนอย่างมีนัยสำคัญ อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ภาวะสงครามในยุโรป และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ล้วนส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนของสินทรัพย์ทั่วโลก ในสถานการณ์เช่นนี้ นักลงทุนจำนวนมากต่างมองหาโอกาสในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม งานวิจัยชิ้นล่าสุดแสดงให้เห็นว่ากองทุนรวมในยุโรปมีผลตอบแทนที่ตามหลังกองทุนรวมของสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาหลังจากวันทำการถัดไป (T+1) ปรากฏการณ์นี้นำไปสู่คำถามมากมายเกี่ยวกับประสิทธิภาพของตลาดทุนในยุโรป และปัจจัยที่ส่งผลต่อความแตกต่างของผลตอบแทนนี้

ปัจจัยที่ส่งผลต่อความแตกต่างของผลตอบแทน

มีปัจจัยหลายประการที่อาจส่งผลต่อความแตกต่างของผลตอบแทนระหว่างกองทุนยุโรปและสหรัฐฯ รวมไปถึง:

  1. การเติบโตทางเศรษฐกิจ: เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวจากวิกฤต COVID-19 ได้เร็วกว่าเศรษฐกิจยุโรป ซึ่งนำไปสู่ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนและผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงขึ้น
  2. นโยบายการเงิน: ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าธนาคารกลางยุโรป (European Central Bank) ซึ่งทำให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นและดึงดูดเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติ
  3. โครงสร้างตลาด: ตลาดทุนของสหรัฐฯ มีขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องมากกว่าตลาดทุนในยุโรป ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถระดมทุนได้ง่ายขึ้นและนักลงทุนสามารถซื้อขายหลักทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  4. ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์: ภาวะสงครามในยูเครนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจยุโรปอย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านพลังงานและห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งทำให้นักลงทุนบางรายลังเลที่จะลงทุนในภูมิภาคนี้

ผลกระทบต่อนักลงทุน

ความแตกต่างของผลตอบแทนระหว่างกองทุนยุโรปและสหรัฐฯ ส ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนหลายประการ:

  • นักลงทุนที่ลงทุนในกองทุนยุโรปอาจได้รับผลตอบแทนที่ต่ำกว่านักลงทุนที่ลงทุนในกองทุนสหรัฐฯ ในช่วงเวลาเดียวกัน
  • นักลงทุนอาจต้องพิจารณาปรับพอร์ตการลงทุนของตน โดยเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์สหรัฐฯ เพื่อเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น
  • นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเงินในยุโรปและสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินความเสี่ยงและโอกาสในการลงทุน

Fun Fact

ทราบหรือไม่ว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (NYSE) มีมูลค่าตลาดรวมสูงที่สุดในโลก โดยมีมูลค่ากว่า 26 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ตลาดหุ้นลอนดอน (LSE) ซึ่งเป็นตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2565)

ตารางเปรียบเทียบผลตอบแทน

ดัชนี ผลตอบแทน YTD (%) ผลตอบแทน 1 ปี (%) ผลตอบแทน 3 ปี (%)
S&P 500 (สหรัฐฯ) 15.82 7.45 16.03
Euro Stoxx 500 (ยุโรป) 9.57 -1.23 8.79

หมายเหตุ: ข้อมูลผลตอบแทน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565

สรุป

ผลตอบแทนของกองทุนยุโรปตามหลังกองทุนสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญหลัง T+1 โดยมีปัจจัยหลายประการที่ส่งผลต่อความแตกต่างนี้ นักลงทุนควรตระหนักถึงความเสี่ยงและโอกาสในการลงทุนในแต่ละภูมิภาค และปรับพอร์ตการลงทุนของตนให้เหมาะสมกับเป้าหมายและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

#กองทุนรวม #ยุโรป #สหรัฐอเมริกา #การลงทุน

บทความน่าสนใจ

บทความยอดนิยมตลอดกาล

บทความที่อยู่ในกระแส