ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาดการเงินทั่วโลกได้เผชิญกับความผันผวนและความไม่แน่นอนอย่างมีนัยสำคัญ อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ภาวะสงครามในยุโรป และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ล้วนส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนของสินทรัพย์ทั่วโลก ในสถานการณ์เช่นนี้ นักลงทุนจำนวนมากต่างมองหาโอกาสในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยชิ้นล่าสุดแสดงให้เห็นว่ากองทุนรวมในยุโรปมีผลตอบแทนที่ตามหลังกองทุนรวมของสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาหลังจากวันทำการถัดไป (T+1) ปรากฏการณ์นี้นำไปสู่คำถามมากมายเกี่ยวกับประสิทธิภาพของตลาดทุนในยุโรป และปัจจัยที่ส่งผลต่อความแตกต่างของผลตอบแทนนี้
ปัจจัยที่ส่งผลต่อความแตกต่างของผลตอบแทน
มีปัจจัยหลายประการที่อาจส่งผลต่อความแตกต่างของผลตอบแทนระหว่างกองทุนยุโรปและสหรัฐฯ รวมไปถึง:
- การเติบโตทางเศรษฐกิจ: เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวจากวิกฤต COVID-19 ได้เร็วกว่าเศรษฐกิจยุโรป ซึ่งนำไปสู่ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนและผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงขึ้น
- นโยบายการเงิน: ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าธนาคารกลางยุโรป (European Central Bank) ซึ่งทำให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นและดึงดูดเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติ
- โครงสร้างตลาด: ตลาดทุนของสหรัฐฯ มีขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องมากกว่าตลาดทุนในยุโรป ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถระดมทุนได้ง่ายขึ้นและนักลงทุนสามารถซื้อขายหลักทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์: ภาวะสงครามในยูเครนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจยุโรปอย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านพลังงานและห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งทำให้นักลงทุนบางรายลังเลที่จะลงทุนในภูมิภาคนี้
ผลกระทบต่อนักลงทุน
ความแตกต่างของผลตอบแทนระหว่างกองทุนยุโรปและสหรัฐฯ ส ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนหลายประการ:
- นักลงทุนที่ลงทุนในกองทุนยุโรปอาจได้รับผลตอบแทนที่ต่ำกว่านักลงทุนที่ลงทุนในกองทุนสหรัฐฯ ในช่วงเวลาเดียวกัน
- นักลงทุนอาจต้องพิจารณาปรับพอร์ตการลงทุนของตน โดยเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์สหรัฐฯ เพื่อเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น
- นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเงินในยุโรปและสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินความเสี่ยงและโอกาสในการลงทุน
Fun Fact
ทราบหรือไม่ว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (NYSE) มีมูลค่าตลาดรวมสูงที่สุดในโลก โดยมีมูลค่ากว่า 26 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ตลาดหุ้นลอนดอน (LSE) ซึ่งเป็นตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2565)
ตารางเปรียบเทียบผลตอบแทน
ดัชนี | ผลตอบแทน YTD (%) | ผลตอบแทน 1 ปี (%) | ผลตอบแทน 3 ปี (%) |
---|---|---|---|
S&P 500 (สหรัฐฯ) | 15.82 | 7.45 | 16.03 |
Euro Stoxx 500 (ยุโรป) | 9.57 | -1.23 | 8.79 |
หมายเหตุ: ข้อมูลผลตอบแทน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565
สรุป
ผลตอบแทนของกองทุนยุโรปตามหลังกองทุนสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญหลัง T+1 โดยมีปัจจัยหลายประการที่ส่งผลต่อความแตกต่างนี้ นักลงทุนควรตระหนักถึงความเสี่ยงและโอกาสในการลงทุนในแต่ละภูมิภาค และปรับพอร์ตการลงทุนของตนให้เหมาะสมกับเป้าหมายและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
#กองทุนรวม #ยุโรป #สหรัฐอเมริกา #การลงทุน