หลายคนอาจเคยได้ยินว่าบาร์โค้ดแรกของโลกถูกนำมาใช้กับหมากฝรั่งยี่ห้อดังอย่าง Wrigleys ฟังดูน่าสนใจและเชื่อถือได้ แต่ความจริงแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่? บทความนี้จะพาไปสำรวจข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของบาร์โค้ด และไขข้อข้องใจว่าแท้จริงแล้วบาร์โค้ดแรกถูกนำมาใช้อย่างไร
กำเนิดของบาร์โค้ด
ความพยายามในการสร้างระบบรหัสแบบอัตโนมัติเพื่อใช้ติดตามสินค้ามีมานานแล้ว ย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1932 Wallace Flint นักศึกษาปริญญาโทจาก Harvard Business School ได้นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับระบบชำระเงินอัตโนมัติโดยใช้บัตรเจาะรู แม้ว่าแนวคิดนี้จะไม่ประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ แต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาระบบรหัสสินค้าแบบอัตโนมัติ
ต่อมาในช่วงทศวรรษที่ 1940 Norman Joseph Woodland และ Bernard Silver ได้ร่วมกันพัฒนาระบบบาร์โค้ดแบบเส้นตรง (linear barcode) หรือที่รู้จักกันในชื่อ "Bull's-Eye code" โดยได้รับแรงบันดาลใจจากรหัสมอร์ส ระบบนี้ใช้รูปแบบเส้นวงกลมศูนย์กลางที่แตกต่างกันเพื่อแสดงข้อมูล อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีในยุคนั้นยังไม่เอื้ออำนวยต่อการใช้งานจริง เนื่องจากอุปกรณ์สแกนมีราคาแพงและมีขนาดใหญ่เทอะทะ
บาร์โค้ดกับอุตสาหกรรมค้าปลีก
ในช่วงทศวรรษที่ 1960 อุตสาหกรรมค้าปลีกเริ่มมองหาระบบการจัดการสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อรับมือกับจำนวนสินค้าที่เพิ่มขึ้นและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป เทคโนโลยีเลเซอร์และคอมพิวเตอร์มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาระบบบาร์โค้ดให้ใช้งานได้จริง และในปี ค.ศ. 1973 บริษัท IBM ได้พัฒนาระบบบาร์โค้ด Universal Product Code (UPC) ขึ้น ซึ่งเป็นระบบบาร์โค้ดแบบเส้นตรงที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
สินค้าชิ้นแรกที่ถูกสแกนด้วยบาร์โค้ด UPC คือ หมากฝรั่ง Wrigley's Juicy Fruit ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต Marsh ในเมืองทรอย รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา ในวันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ. 1974
ตารางแสดงลำดับเหตุการณ์สำคัญของบาร์โค้ด
ปี ค.ศ. | เหตุการณ์ |
---|---|
1932 | Wallace Flint นำเสนอแนวคิดระบบชำระเงินอัตโนมัติโดยใช้บัตรเจาะรู |
1940s | Norman Joseph Woodland และ Bernard Silver พัฒนาระบบบาร์โค้ดแบบ Bull's-Eye code |
1973 | IBM พัฒนาระบบบาร์โค้ด UPC |
1974 | หมากฝรั่ง Wrigley's Juicy Fruit เป็นสินค้าชิ้นแรกที่ถูกสแกนด้วยบาร์โค้ด UPC |
บาร์โค้ดในยุคปัจจุบัน
ปัจจุบันบาร์โค้ดได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน มีการใช้บาร์โค้ดอย่างแพร่หลายในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นค้าปลีก โลจิสติกส์ การผลิต การดูแลสุขภาพ และอื่น ๆ เพื่อติดตามสินค้า จัดการสินค้าคงคลัง และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน นอกจากนี้ เทคโนโลยีบาร์โค้ดยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จากบาร์โค้ดแบบเส้นตรงหนึ่งมิติ สู่บาร์โค้ดสองมิติอย่าง QR code ที่สามารถจัดเก็บข้อมูลได้มากขึ้น รวมถึงการนำเทคโนโลยี RFID มาใช้ ซึ่งเป็นระบบระบุข้อมูลด้วยคลื่นวิทยุ เพื่อเพิ่มความสะดวกและรวดเร็วในการติดตามและจัดการสินค้า
สรุป
แม้ว่าบาร์โค้ดแรกจะไม่ได้ถูกใช้กับหมากฝรั่ง Wrigleys แต่ Wrigleys ก็เป็นแบรนด์ที่มีบทบาทสำคัญในการนำบาร์โค้ดมาใช้ในเชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสินค้าหมากฝรั่ง Juicy Fruit การถือกำเนิดของบาร์โค้ดได้ปฏิวัติวงการค้าปลีกและอุตสาหกรรมต่าง ๆ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ลดความผิดพลาด และอำนวยความสะดวกให้กับทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค
#บาร์โค้ด #ประวัติศาสตร์ #Wrigleys #เทคโนโลยี