03 มกราคม 2566

ช่องว่างในการดูแลสุขภาพจิตสำหรับผู้ที่มีอาการปวดเรื้อรัง : ผลการศึกษาชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข

ช่องว่างในการดูแลสุขภาพจิตสำหรับผู้ที่มีอาการปวดเรื้อรัง : ผลการศึกษาชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข

อาการปวดเรื้อรัง นับเป็นปัญหาสุขภาพที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนจำนวนมากทั่วโลก ไม่เพียงแต่สร้างความทรมานทางร่างกาย แต่ยังส่งผลต่อสภาพจิตใจ คุณภาพชีวิต และความสัมพันธ์กับคนรอบข้างอีกด้วย ผลการศึกษาหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่า ผู้ที่มีอาการปวดเรื้อรังม ักเผชิญกับความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพจิต เช่น โรควิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า และปัญหาการนอนหลับ มากกว่าคนทั่วไป อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงบริการด้านสุขภาพจิตสำหรับกลุ่มคนเหล่านี้ยังคงมีช่องว่างและอุปสรรคอยู่มาก

ความเชื่อมโยงระหว่างอาการปวดเรื้อรังและปัญหาสุขภาพจิต

งานวิจัยทางการแพทย์แสดงให้เห็นว่า อาการปวดเรื้อรังและปัญหาสุขภาพจิตมีความสัมพันธ์กันอย่างซับซ้อน โดยต่างฝ่ายต่างส่งผลกระทบซึ่งกันและกัน กลไกที่เชื่อมโยงทั้งสองอย่างนี้เข้าด้วยกันยังไม่เป็นที่เข้าใจแน่ชัด แต่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับปัจจัยหลายอย่าง เช่น

  • การเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมีในสมอง: อาการปวดเรื้อรังสามารถส่งผลต่อสารสื่อประสาทในสมอง เช่น เซโรโทนิน และโดพามีน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการควบคุมอารมณ์ ความรู้สึก และการนอนหลับ
  • ความเครียดเรื้อรัง: การใช้ชีวิตอยู่กับอาการปวดอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ก่อให้เกิดความเครียดสะสม ทั้งความเครียดทางร่างกายจากอาการปวด และความเครียดทางจิตใจจากผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ความสัมพันธ์ และการทำงาน
  • พฤติกรรมสุขภาพ: ผู้ที่มีอาการปวดเรื้อรังอาจมีพฤติกรรมสุขภาพที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การนอนหลับไม่เพียงพอ การขาดการออกกำลังกาย หรือการรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม ซึ่งล้วนส่งผลเสียต่อทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต

ช่องว่างในการดูแลรักษาและอุปสรรคในการเข้าถึงบริการ

แม้ว่าจะมีความเชื่อมโยงระหว่างอาการปวดเรื้อรังและปัญหาสุขภาพจิต แต่ผลการศึกษากลับพบว่า ผู้ป่วยจำนวนมากไม่ได้รับการดูแลรักษาสุขภาพจิตอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่กำลังพัฒนา ปัญหานี้เกิดจากปัจจัยหลายประการ อาทิเช่น:

ปัจจัย รายละเอียด
การขาดความรู้ความเข้าใจ ทั้งในส่วนของประชาชนทั่วไปและบุคลากรทางการแพทย์บางส่วน อาจยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างอาการปวดเรื้อรังและปัญหาสุขภาพจิต ส่งผลให้ผู้ป่วยไม่ได้รับการประเมินและการรักษาที่เหมาะสม
ความไม่เพียงพอของบริการสุขภาพจิต ทรัพยากรด้านสุขภาพจิต เช่น จิตแพทย์ นักจิตวิทยา และสถานพยาบาลเฉพาะทาง ยังคงมีจำนวนจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ห่างไกล ส่งผลให้ผู้ป่วยต้องรอคิวนาน หรือเดินทางไกลเพื่อเข้ารับการรักษา
ค่านิยมและทัศนคติ ในบางสังคม การมีปัญหาสุขภาพจิตยังคงถูกมองเป็นเรื่องน่าอาย หรือเป็นจุดอ่อน ส่งผลให้ผู้ป่วยจำนวนมากไม่กล้าขอความช่วยเหลือ หรือเปิดเผยปัญหาของตนเอง

แนวทางแก้ไขปัญหา

การแก้ไขปัญหาช่องว่างในการดูแลสุขภาพจิตสำหรับผู้ที่มีอาการปวดเรื้อรังจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน โดยสามารถแบ่งแนวทางการแก้ไขได้เป็น 3 ระดับ ดังนี้

  1. ระดับบุคล: ผู้ป่วยควรสังเกตอาการของตนเอง หากพบว่ามีสัญญาณของปัญหาสุขภาพจิต เช่น นอนไม่หลับ วิตกกังวล หรือมีความคิดทำร้ายตนเอง ควรรีบไปพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำปรึกษาและการรักษา
  2. ระดับระบบบริการสุขภาพ: ควรมีการบูรณาการบริการสุขภาพจิตเข้ากับบริการสุขภาพทั่วไป เช่น การฝึกอบรมแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป ให้สามารถคัดกรองและดูแลเบื้องต้นเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจิตได้ รวมถึงการเพิ่มจำนวนบุคลากรด้านสุขภาพจิตและสถานพยาบาลเฉพาะทางให้เพียงพอต่อความต้องการ
  3. ระดับสังคม: ควรสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างอาการปวดเรื้อรังและปัญหาสุขภาพจิต เพื่อลดการตีตราและสร้างทัศนคติเชิงบวกต่อการดูแลรักษาสุขภาพจิต รวมถึงสนับสนุนให้ผู้ป่วยกล้าขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้างและผู้เชี่ยวชาญ

การดูแลรักษาสุขภาพจิตเป็นสิ่งสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการดูแลรักษาสุขภาพกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีอาการปวดเรื้อรัง การเติมเต็มช่องว่างในการดูแลรักษา และขจัดอุปสรรคในการเข้าถึงบริการ จะช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาที่เหมาะสม และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้

#สุขภาพจิต #อาการปวดเรื้อรัง #การดูแลสุขภาพ #คุณภาพชีวิต

บทความน่าสนใจ

บทความยอดนิยมตลอดกาล

บทความที่อยู่ในกระแส