ฮันุกกาห์ หรือ เทศกาลแห่งแสงไฟ เป็นหนึ่งในเทศกาลที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของศาสนายิว แม้จะไม่ได้จัดว่าเป็นเทศกาลทางศาสนาที่สำคัญที่สุด แต่ฮันุกกาห์กลับเป็นที่ชื่นชอบของชาวยิวทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่เด็กๆ เนื่องจากเต็มไปด้วยแสง สีสัน และขนมหวาน
เรื่องราวเบื้องหลังฮันุกกาห์
ฮันุกกาห์ เป็นการรำลึกถึงชัยชนะของชนชาติยิวต่อกองทัพซีเรีย-กรีก ภายใต้การนำของกษัตริย์แอนไทโอคัสที่ 4 เอพิฟาเนส ในศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล กษัตริย์แอนไทโอคัสพยายามทำลายศาสนายิว บังคับให้ชาวยิวบูชารูปเคารพ และห้ามประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
อย่างไรก็ตาม กลุ่มนักรบยิวกลุ่มเล็กๆ ที่เรียกว่า มัคคาบี นำโดย ยูดาห์ มัคคาบี ได้ลุกขึ้นต่อต้านการปกครองของซีเรีย-กรีก และสามารถยึดกรุงเยรูซาเล็ม รวมถึงพระวิหารของชาวยิวกลับคืนมาได้สำเร็จ
ปาฏิหาริย์แห่งน้ำมัน
เมื่อชาวยิวได้พระวิหารกลับคืนมา พวกเขาต้องการจุดตะเกียงน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ในพระวิหารอีกครั้ง แต่กลับพบว่ามีน้ำมันเหลือเพียงพอสำหรับจุดได้เพียงวันเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เกิดปาฏิหาริย์ขึ้น เมื่อน้ำมันเพียงเล็กน้อยนั้นกลับลุกไหม้ได้นานถึง 8 วัน 8 คืน ซึ่งเป็นเวลาที่เพียงพอสำหรับการเตรียมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ชุดใหม่
การเฉลิมฉลองฮันุกกาห์
ฮันุกกาห์มีระยะเวลา 8 วัน 8 คืน เริ่มต้นในวันที่ 25 เดือนคิสเลฟ ตามปฏิทินฮีบรู ซึ่งตรงกับเดือนพฤศจิกายนหรือธันวาคม ในปฏิทินเกรกอเรียน ในแต่ละคืนของเทศกาล ชาวยิวจะจุดเทียนในเชิงเทียนพิเศษที่เรียกว่า เมโนราห์ โดยจะจุดเพิ่มขึ้นทีละเล่ม จนครบ 8 เล่ม ในคืนสุดท้าย
นอกจากการจุดเทียนแล้ว ชาวยิวยังเฉลิมฉลองฮันุกกาห์ด้วยการรับประทานอาหารทอด เช่น ลัตเกส (Latkes) ซึ่งเป็นแพนเค้กมันฝรั่ง และ ซูฟกานิโยต (Sufganiyot) ซึ่งเป็นโดนัทไส้แยม นอกจากนี้ ยังมีการเล่นเกมหมุน Dreidel และมอบของขวัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้กับเด็กๆ
ความสำคัญของฮันุกกาห์ในปัจจุบัน
ฮันุกกาห์ เป็นเครื่องเตือนใจถึงชัยชนะของแสงสว่างเหนือความมืด ความดีงามเหนือความชั่วร้าย และเสรีภาพทางศาสนา นอกจากนี้ ยังเป็นเทศกาลแห่งครอบครัว และการส่งต่อประเพณีจากรุ่นสู่รุ่น
ในโลกปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ฮันุกกาห์เป็นเครื่องย้ำเตือนให้เรายืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง ต่อสู้เพื่อเสรีภาพ และไม่ยอมแพ้ต่อความอยุติธรรม
#ฮันุกกาห์ #เทศกาลแห่งแสงไฟ #วัฒนธรรมยิว #ปาฏิหาริย์