20 กันยายน 2565

การจัดท่านอนและการอุ้มทารกมีผลต่อการลดอาการโคลิคหรือไม่?

การจัดท่านอนและการอุ้มทารกมีผลต่อการลดอาการโคลิคหรือไม่?

อาการโคลิคในทารก เป็นภาวะที่สร้างความกังวลใจให้กับพ่อแม่ผู้ปกครองเป็นอย่างมาก เสียงร้องไห้โยเยที่ดูเหมือนจะไม่มีสาเหตุและไม่สามารถปลอบโยนได้ อาจทำให้หลายคนรู้สึกท้อแท้ แม้ว่าสาเหตุของอาการโคลิคจะยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่งานวิจัยหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่า การจัดท่านอนและการอุ้มทารกที่ถูกวิธี อาจมีส่วนช่วยในการบรรเทาอาการโคลิคได้

ท่านอนของทารกกับอาการโคลิค

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา มีการรณรงค์อย่างกว้างขวางให้ทารกนอนหงายเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเฉียบพลันในเด็กทารก (SIDS) อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยบางชิ้นชี้ให้เห็นว่า การนอนหงายอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดกรดไหลย้อนในทารก ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการโคลิคได้

งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Pediatrics ในปี 2015 ศึกษาพบว่า ทารกที่นอนคว่ำหรือนอนตะแคงมีแนวโน้มที่จะมีอาการโคลิคน้อยกว่าทารกที่นอนหงาย อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพยังคงแนะนำให้ทารกนอนหงายเพื่อลดความเสี่ยงต่อ SIDS ดังนั้น หากพ่อแม่ผู้ปกครองมีความกังวลเกี่ยวกับอาการโคลิคของทารกที่เกี่ยวข้องกับท่านอน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสม

การอุ้มทารก: สัมผัสที่ช่วยบรรเทา

การอุ้มเป็นมากกว่าการสัมผัสทางกายภาพ การอุ้มทารกช่วยสร้างสายสัมพันธ์อันแข็งแกร่งระหว่างพ่อแม่และลูกน้อย อีกทั้งยังช่วยสร้างความรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นให้กับทารก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการลดความเครียดและความวิตกกังวล

งานวิจัยจำนวนมากชี้ให้เห็นว่า การอุ้มทารกบ่อยๆ ช่วยลดการร้องไห้ของทารกได้อย่างมีนัยสำคัญ การอุ้มในท่าที่เหมาะสม เช่น การอุ้มพาดบ่า หรือการอุ้มในท่าที่ท้องของทารกแนบชิดกับหน้าอกของพ่อแม่ ช่วยลดแรงกดในช่องท้องของทารก ลดอาการท้องอืด และช่วยขับลมได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการลดอาการโคลิค

เทคนิคเพิ่มเติมในการลดอาการโคลิค

นอกเหนือจากการจัดท่านอนและการอุ้มทารกแล้ว ยังมีเทคนิคอื่นๆ ที่อาจช่วยลดอาการโคลิคในทารกได้ ได้แก่:

  1. การให้นมแม่: นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก มีสารอาหารครบถ้วน ย่อยง่าย และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับทารก
  2. การเรอทารกหลังมื้ออาหาร: การเรอทารกช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร ป้องกันอาการท้องอืด และลดอาการแหวะนม
  3. การนวดท้อง: การนวดท้องเบาๆ เป็นวงกลม ช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหาร ช่วยขับลม และลดอาการท้องผูก
  4. การใช้จุกหลอก: จุกหลอกช่วยสร้างความรู้สึกผ่อนคลายให้กับทารก และอาจช่วยลดอาการร้องไห้ได้

เมื่อใดควรไปพบแพทย์

แม้ว่าอาการโคลิคส่วนใหญ่มักจะหายไปเองภายใน 3-4 เดือน แต่หากทารกมีอาการรุนแรง ร้องไห้ติดต่อกันเป็นเวลานาน มีไข้ อาเจียนรุนแรง ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด น้ำหนักตัวลดลง หรือมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที

สรุปได้ว่า การจัดท่านอนและการอุ้มทารกที่ถูกวิธี อาจมีส่วนช่วยในการบรรเทาอาการโคลิคได้ อย่างไรก็ตาม การดูแลทารกเป็นเรื่องละเอียดอ่อน พ่อแม่ผู้ปกครองควรศึกษาข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสมกับลูกน้อยของท่าน

#โคลิค #ทารก #การเลี้ยงลูก #สุขภาพทารก

บทความน่าสนใจ

บทความยอดนิยมตลอดกาล

บทความที่อยู่ในกระแส