โรคบาดทะยัก หรือที่หลายคนรู้จักกันดีในชื่อ “โรคกลัวลม” เป็นโรคติดเชื้อร้ายแรงที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งชื่อ Clostridium tetani เชื้อโรคนี้พบได้ทั่วไปในดิน ฝุ่นละออง มูลสัตว์ และลำไส้ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แม้ว่าโรคนี้จะไม่ติดต่อจากคนสู่คน แต่ก็เป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่กำลังพัฒนา เช่น ประเทศไทย ที่ยังคงพบผู้ป่วยโรคนี้เป็นจำนวนมาก
การติดเชื้อบาดทะยัก
การติดเชื้อบาดทะยักมักเกิดขึ้นเมื่อเชื้อแบคทีเรีย Clostridium tetani เข้าสู่ร่างกายผ่านทางบาดแผล โดยเฉพาะบาดแผลที่ลึก แผลสกปรก แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลที่ถูกของมีคมบาด แผลที่ถูกแมลงสัตว์กัดต่อย รวมไปถึงการเจาะหูหรือสักตามร่างกายที่ไม่ได้มาตรฐาน เชื้อโรคนี้จะปล่อยสารพิษที่เรียกว่า “tetanospasmin” ซึ่งเป็นพิษต่อระบบประสาท ส่งผลให้เกิดอาการกล้ามเนื้อหดเกร็งอย่างรุนแรง
อาการของโรคบาดทะยัก
อาการของโรคบาดทะยักมักปรากฏภายใน 3-21 วันหลังจากได้รับเชื้อ โดยมีความรุนแรงแตกต่างกันไป อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่:
- กล้ามเนื้อขากรรไกรหดเกร็ง ทำให้ปากอ้าได้ลำบาก
- กล้ามเนื้อใบหน้าเกร็ง ทำให้หน้ายิ้มเหมือนยิ้มเยาะ
- กล้ามเนื้อคอแข็ง หันคอได้ลำบาก
- กล้ามเนื้อลำตัวและหลังแข็งเกร็ง ทำให้หลังแอ่น
- กล้ามเนื้อหายใจหดเกร็ง ทำให้หายใจลำบาก
- มีไข้สูง
- เหงื่อออกมากผิดปกติ
- ความดันโลหิตสูง
- หัวใจเต้นเร็ว
ในรายที่รุนแรง ผู้ป่วยอาจมีอาการชักเกร็ง หยุดหายใจ หรือเสียชีวิตได้
การรักษาโรคบาดทะยัก
โรคบาดทะยักเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที การรักษามีเป้าหมายเพื่อ:
- ยับยั้งการสร้างสารพิษของเชื้อแบคทีเรีย
- บรรเทาอาการ
- ป้องกันภาวะแทรกซ้อน
แพทย์จะทำการรักษาโดยการให้:
- ทำความสะอาดแผลและตัดเนื้อเยื่อที่ตายแล้วออก
- ให้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
- ให้ยากลุ่มอิมมูโนโกลบูลิน เพื่อต่อต้านสารพิษของเชื้อแบคทีเรีย
- ให้ยาระงับประสาทและยาคลายกล้ามเนื้อ เพื่อบรรเทาอาการกล้ามเนื้อหดเกร็ง
- ใส่ท่อช่วยหายใจ หากผู้ป่วยหายใจเองไม่ได้
การป้องกันโรคบาดทะยัก
การป้องกันโรคบาดทะยักทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ โดยการ:
- ฉีดวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยักอย่างครบถ้วน โดยเด็กควรได้รับวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน (DTaP) จำนวน 5 เข็ม เมื่ออายุ 2, 4, 6, 18 เดือน และ 4-6 ปี และฉีดวัคซีนกระตุ้นทุก 10 ปี
- ดูแลรักษาบาดแผลให้สะอาด โดยล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่ เช็ดแผลให้แห้ง และปิดแผลด้วยผ้าพันแผลที่สะอาด
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับดิน ฝุ่นละออง มูลสัตว์ และสิ่งสกปรกต่างๆ
- สวมรองเท้าทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน
- ระมัดระวังไม่ให้เกิดบาดแผล โดยเฉพาะขณะประกอบกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดบาดแผล เช่น ทำสวน ซ่อมแซมบ้าน หรือเล่นกีฬา
ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับโรคบาดทะยัก
คุณรู้หรือไม่ว่า...
- เชื้อบาดทะยักสามารถสร้างสปอร์ที่ทนทานต่อความร้อนและสารเคมี สามารถอยู่ในดินได้นานหลายปี
- โรคบาดทะยักไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน
- ประเทศไทยมีรายงานผู้ป่วยโรคบาดทะยักเฉลี่ยปีละประมาณ 200-300 ราย
- อัตราการเสียชีวิตจากโรคบาดทะยักในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 10-20%
สรุป
โรคบาดทะยักเป็นโรคติดเชื้อร้ายแรงที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน การดูแลรักษาบาดแผลอย่างถูกวิธี และการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ สามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้เป็นอย่างมาก หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีบาดแผล ควรรีบทำความสะอาดแผลและไปพบแพทย์ทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากบาดแผลลึก สกปรก หรือมีเลือดออกมาก
#โรคบาดทะยัก #ภัยเงียบ #วัคซีน #สุขภาพ