26 ธันวาคม 2563

ร่องรอยแกะสลักบนโบราณสถาน อาจเป็นปฏิทินที่เก่าแก่ที่สุดในโลก

ร่องรอยแกะสลักบนโบราณสถาน อาจเป็นปฏิทินที่เก่าแก่ที่สุดในโลก

ร่องรอยแกะสลักบนโบราณสถาน อาจเป็นปฏิทินที่เก่าแก่ที่สุดในโลก

มนุษย์เราเฝ้ามองท้องฟ้าและเรียนรู้วงจรของดวงดาวมาเนิ่นนาน จนกระทั่งสามารถสร้างสัญลักษณ์และระบบที่ซับซ้อนเพื่อติดตามกาลเวลา นั่นคือสิ่งที่เราเรียกว่า "ปฏิทิน" ปัจจุบันนี้ เรามีหลักฐานทางโบราณคดีมากมายที่บ่งชี้ถึงความพยายามของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ในการบันทึกเวลา หนึ่งในนั้นคือ ร่องรอยแกะสลักบนโบราณสถาน ซึ่งนักวิจัยบางกลุ่มเชื่อว่า อาจเป็นปฏิทินที่เก่าแก่ที่สุดในโลก

โบราณสถานที่ว่านี้ มีอายุเก่าแก่กว่าปฏิทินที่เรารู้จักกันดี เช่น ปฏิทินสุริยคติของชาวอียิปต์โบราณ หรือปฏิทินจันทรคติของชาวบาบิโลนเสียอีก หลักฐานที่พบกระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่ยุโรป เอเชีย ไปจนถึงอเมริกาใต้ ร่องรอยเหล่านี้มักปรากฏในรูปแบบของ สัญลักษณ์ รูปทรงเรขาคณิต หรือแม้กระทั่งการจัดเรียงหิน ซึ่งนักวิจัยสันนิษฐานว่า เกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ เช่น วัฏจักรของดวงจันทร์ เฟสของดวงจันทร์ หรือตำแหน่งของดวงอาทิตย์และดวงดาว

ตัวอย่างโบราณสถานที่อาจเกี่ยวข้องกับปฏิทินโบราณ

  1. Göbekli Tepe ประเทศตุรกี - แหล่งโบราณคดีอายุราว 12,000 ปี มีเสาหินแกะสลักรูปสัตว์ และรูปทรงเรขาคณิต นักวิจัยบางคนเชื่อว่า รูปแบบการจัดเรียงของเสาหิน อาจสื่อถึงกลุ่มดาว และใช้เป็นเครื่องมือในการติดตามเวลา
  2. Nabta Playa ประเทศอียิปต์ - วงกลมหินอายุราว 7,000 ปี มีการจัดเรียงหินขนาดใหญ่เป็นวงกลมหลายวง นักวิจัยพบว่า ตำแหน่งของหินบางก้อน สอดคล้องกับตำแหน่งของดาว Sirius ในช่วงเวลาต่างๆ ของปี ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงความรู้ทางดาราศาสตร์ขั้นสูงของคนในยุคนั้น
  3. Warren Mountain ประเทศสกอตแลนด์ - กลุ่มหลุมหินอายุราว 5,000 ปี นักวิจัยพบว่า การเรียงตัวของหลุม สอดคล้องกับวัฏจักรของดวงจันทร์ ซึ่งอาจใช้เป็นเครื่องมือในการทำนายข้างขึ้นข้างแรม

อย่างไรก็ตาม การตีความร่องรอยแกะสลักบนโบราณสถานเหล่านี้ ยังคงเป็นเรื่องที่นักวิชาการถกเถียงกันอยู่ บางคนมองว่า เป็นเพียงศิลปะ หรือสัญลักษณ์ทางศาสนา ขณะที่บางคนเชื่อมั่นว่า มันคือหลักฐานของความรู้ทางดาราศาสตร์ที่ซับซ้อนของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์

ความท้าทายในการศึกษาปฏิทินโบราณ

การศึกษาปฏิทินโบราณ ไม่ใช่เรื่องง่าย นักวิจัยต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ เช่น

  • หลักฐานที่ไม่สมบูรณ์ - โบราณสถานหลายแห่ง ถูกทำลายไปตามกาลเวลา หรือถูกฝังอยู่ใต้ดิน ทำให้ยากต่อการศึกษา
  • การตีความที่หลากหลาย - ร่องรอยแกะสลัก อาจมีความหมายได้หลายอย่าง ขึ้นอยู่กับบริบททางวัฒนธรรม และความเชื่อของคนในยุคนั้น
  • ข้อจำกัดทางเทคโนโลยี - แม้ว่าเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น การสแกนด้วยเลเซอร์ จะช่วยให้เราเห็นรายละเอียดของโบราณสถานได้มากขึ้น แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในการวิเคราะห์และตีความข้อมูล

ถึงแม้จะมีอุปสรรคมากมาย แต่นักวิจัยทั่วโลกก็ยังคงมุ่งมั่นศึกษาปฏิทินโบราณ เพราะมันคือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้เราเข้าใจวิวัฒนาการทางความคิด ความเชื่อ และความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของมนุษย์ตั้งแต่อดีตกาล

Fun Fact เกี่ยวกับปฏิทิน

  • รู้หรือไม่ว่า คำว่า "calendar" มาจากภาษาละติน แปลว่า "บัญชีของคนเก็บเงิน" เนื่องจากในสมัยโบราณ วันแรกของเดือนจะถูกเรียกว่า "วันเก็บหนี้"
  • ปฏิทินที่ยาวที่สุดในโลก คือปฏิทินของชาวมายา ซึ่งมีระยะเวลา 5,125 ปี สิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 2012 ซึ่งหลายคนเชื่อว่าเป็นวันสิ้นโลก

ตารางเปรียบเทียบปฏิทินโบราณ

ชื่อปฏิทิน อารยธรรม ช่วงเวลา ลักษณะเด่น
ปฏิทินสุริยคติอียิปต์ อียิปต์โบราณ ราว 3,000 ปีก่อนคริสตกาล แบ่งปีเป็น 12 เดือน เดือนละ 30 วัน และมีวันพิเศษเพิ่มอีก 5 วัน
ปฏิทินจันทรคติบาบิโลน บาบิโลน ราว 2,000 ปีก่อนคริสตกาล อิงตามวัฏจักรของดวงจันทร์ แบ่งปีเป็น 12 เดือน เดือนละ 29 หรือ 30 วัน
ปฏิทินจูเลียน โรมัน 45 ปีก่อนคริสตกาล พัฒนาจากปฏิทินอียิปต์ มีการเพิ่มปีอธิกสุรทินทุก 4 ปี

การศึกษาปฏิทินโบราณ ไม่ใช่แค่การศึกษาอดีต แต่ยังเป็นการเรียนรู้ถึงความสัมพันธ์ของมนุษย์กับจักรวาล และเป็นแรงบันดาลใจให้เรามองหาความรู้ใหม่ๆ เพื่อทำความเข้าใจโลกและเวลาที่เราดำรงชีวิตอยู่ต่อไป

#โบราณคดี #ดาราศาสตร์

บทความน่าสนใจ

บทความยอดนิยมตลอดกาล

บทความที่อยู่ในกระแส