ปี 1952: ไอน์สไตน์ กับ โอกาสสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศ
ในปี ค.ศ. 1952 หลังจากการอสัญกรรมของ ‘ชาอิม วิตซ์มาน’ ประธานาธิบดีคนแรกของอิสราเอล ชื่อของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ถูกเสนอขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อสำหรับตำแหน่งผู้นำคนใหม่
ทำไมไอน์สไตน์ ถึงได้รับการเสนอชื่อ?
หลายคนอาจสงสัยว่าเหตุใดนักฟิสิกส์ทฤษฎีจึงกลายเป็นตัวเลือกสำหรับตำแหน่งทางการเมือง คำตอบคือ:
- ชื่อเสียงระดับโลก: ในเวลานั้น ไอน์สไตน์ ไม่ใช่แค่นักวิทยาศาสตร์ แต่เป็นสัญลักษณ์ของปัญญาและความหวัง
- สายสัมพันธ์กับอิสราเอล: ไอน์สไตน์ เป็นชาวยิวและสนับสนุนการก่อตั้งรัฐอิสราเอล
- ความเป็นกลางทางการเมือง: ไอน์สไตน์ ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดทางการเมือง ทำให้เป็นที่ยอมรับของคนหลายกลุ่ม
เหตุผลเบื้องหลังการปฏิเสธ
แม้จะได้รับการยกย่องอย่างสูง แต่ไอน์สไตน์ได้ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าวอย่างสุภาพ โดยให้เหตุผลว่า:
เหตุผล | รายละเอียด |
---|---|
ขาดประสบการณ์ | ไอน์สไตน์ ยอมรับว่าไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง และไม่มั่นใจว่าจะสามารถบริหารประเทศได้ |
อายุที่มากขึ้น | ในปี 1952 ไอน์สไตน์ อายุ 73 ปี และรู้สึกว่าตัวเองแก่เกินไปสำหรับภาระหน้าที่อันหนักอึ้ง |
ความมุ่งมั่นในงานวิจัย | ไอน์สไตน์ ยังคงทุ่มเทให้กับงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และต้องการใช้เวลาที่เหลืออยู่กับงานที่เขารัก |
Fun Fact เกี่ยวกับไอน์สไตน์
- ไอน์สไตน์ ไม่ได้สอบตกวิชาคณิตศาสตร์ในวัยเด็ก อย่างที่หลายคนเข้าใจผิด!
- ไอน์สไตน์ บริจาครางวัลโนเบลของเขาให้กับภรรยาคนแรก เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงการหย่าร้าง
- สมองของไอน์สไตน์ ถูกเก็บรักษาไว้เพื่อการศึกษาหลังจากที่เขาเสียชีวิต
บทสรุป
การปฏิเสธตำแหน่งประธานาธิบดีของไอน์สไตน์ สะท้อนให้เห็นถึงความสุภาพและความเข้าใจในตัวเอง แม้จะเป็นอัจฉริยะ แต่เขาก็ตระหนักถึงขีดจำกัดของตนเอง เหตุการณ์นี้ยังเป็นเครื่องเตือนใจว่า ตำแหน่งและอำนาจไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดในชีวิตเสมอไป
#ไอน์สไตน์ #ประธานาธิบดี #อิสราเอล #ประวัติศาสตร์