20 สิงหาคม 2563

อาการเจ็บคอในเด็ก: สาเหตุ การดูแล และเมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์

อาการเจ็บคอในเด็ก: สาเหตุ การดูแล และเมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์

อาการเจ็บคอในเด็ก: สาเหตุ การดูแล และเมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์

อาการเจ็บคอเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในเด็ก โดยเฉพาะในช่วงวัยเรียน สาเหตุส่วนใหญ่ของอาการเจ็บคอมักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งมักไม่ร้ายแรงและหายได้เองภายในเวลาไม่กี่วัน อย่างไรก็ตาม อาการเจ็บคอยังสามารถเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ได้เช่นกัน เช่น การติดเชื้อแบคทีเรีย ภูมิแพ้ หรือแม้แต่อากาศแห้ง การทำความเข้าใจสาเหตุ อาการที่ควรสังเกต และวิธีการดูแลอย่างถูกต้อง จะช่วยให้พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถดูแลบุตรหลานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สาเหตุของอาการเจ็บคอในเด็ก

สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของอาการเจ็บคอในเด็กคือการติดเชื้อไวรัส ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 80-90% ของกรณีทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่น ๆ ที่อาจทำให้เกิดอาการเจ็บคอได้ ดังนี้

  1. การติดเชื้อไวรัส: เช่น ไวรัสหวัด ไวรัสไข้หวัดใหญ่ ไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus)
  2. การติดเชื้อแบคทีเรีย: เช่น เชื้อแบคทีเรีย Streptococcus pyogenes ซึ่งเป็นสาเหตุของคาว strep throat
  3. ภูมิแพ้: เช่น ภูมิแพ้ไรฝุ่น ภูมิแพ้เกสรดอกไม้ ภูมิแพ้ขนสัตว์
  4. มลภาวะทางอากาศ: เช่น ควันบุหรี่ ควันรถยนต์ ฝุ่นละออง
  5. อากาศแห้ง: อากาศที่แห้งเกินไปอาจทำให้ระคายเคืองต่อเยื่อบุลำคอ
  6. การระคายเคืองอื่นๆ: เช่น การตะโกนมากเกินไป การสูบบุหรี่มือสอง

อาการที่ควรสังเกต

อาการของอาการเจ็บคออาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสาเหตุ แต่โดยทั่วไปแล้ว เด็กที่มีอาการเจ็บคออาจมีอาการดังต่อไปนี้:

  • เจ็บคอ
  • กลืนลำบาก
  • คอแดง บวม
  • ต่อมทอนซิลบวม แดง หรือมีจุดสีขาว
  • มีไข้
  • ไอ
  • น้ำมูกไหล
  • เสียงแหบ
  • ปวดศีรษะ
  • ปวดเมื่อยตามตัว
  • เบื่ออาหาร

การดูแลเด็กที่บ้าน

ในกรณีที่อาการเจ็บคอของเด็กเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งมักไม่ร้ายแรง พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถดูแลเด็กที่บ้านได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้:

  • ให้เด็กรับประทานของเหลวมาก ๆ: เช่น น้ำ น้ำผลไม้ น้ำซุป เพื่อป้องกันการขาดน้ำ
  • ให้เด็กพักผ่อนให้เพียงพอ: การพักผ่อนจะช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับการติดเชื้อได้ดีขึ้น
  • บรรเทาอาการเจ็บคอ: ให้อมน้ำเกลืออุ่น ๆ ดื่มน้ำผึ้งผสมมะนาว หรือรับประทานยาอมบรรเทาอาการเจ็บคอ (สำหรับเด็กโตที่สามารถอมได้โดยไม่กลืน)
  • ใช้น้ำเกลือล้างจมูก: ช่วยบรรเทาอาการคัดจมูก
  • รักษาความชุ่มชื้นในอากาศ: ใช้เครื่องทำความชื้นในอากาศ หรือวางภาชนะใส่น้ำไว้ในห้อง
  • หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น: เช่น ควันบุหรี่ ควันรถยนต์ ฝุ่นละออง

เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์

แม้ว่าอาการเจ็บคอส่วนใหญ่จะหายได้เองภายในเวลาไม่กี่วัน แต่ในบางกรณี อาจจำเป็นต้องพาเด็กไปพบแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเด็กมีอาการดังต่อไปนี้:

  • มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส
  • มีอาการเจ็บคออย่างรุนแรง จนกลืนอาหารหรือน้ำลายลำบาก
  • มีต่อมน้ำเหลืองที่คอบวมโต
  • มีผื่นขึ้นตามร่างกาย
  • หายใจลำบาก หายใจมีเสียงดังหวีด
  • มีน้ำลายไหลยืดมากกว่าปกติ
  • คอแข็ง
  • อาการไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน หรือแย่ลง

ข้อมูลและสถิติที่น่าสนใจ

งานวิจัยพบว่า:

  • เด็กอายุ 3-15 ปี มักมีอาการเจ็บคอประมาณ 7 ครั้งต่อปี
  • เด็กที่เข้าเรียนในศูนย์เด็กเล็กหรือโรงเรียน มีโอกาสติดเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดอาการเจ็บคอได้มากกว่าเด็กที่ไม่ได้เข้าเรียน
สาเหตุ อาการ
การติดเชื้อไวรัส เจ็บคอ คัดจมูก ไอ มีไข้ น้ำมูกไหล เสียงแหบ
การติดเชื้อแบคทีเรีย เจ็บคออย่างรุนแรง กลืนลำบาก ต่อมทอนซิลบวม แดง มีจุดสีขาว มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน

การดูแลสุขอนามัยที่ดี เช่น การล้างมือบ่อย ๆ ปิดปากและจมูกเวลาไอหรือจาม หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วย เป็นต้น สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อที่ทำให้เกิดอาการเจ็บคอได้

#เด็ก #เจ็บคอ #สุขภาพเด็ก #โรคทั่วไปในเด็ก

บทความน่าสนใจ

บทความยอดนิยมตลอดกาล

บทความที่อยู่ในกระแส