22 พฤษภาคม 2563

The Learned Helplessness Experiments: การทดลองที่ทำให้สุนัขรู้สึกหมดหนทางและสิ้นหวัง

The Learned Helplessness Experiments: การทดลองที่ทำให้สุนัขรู้สึกหมดหนทางและสิ้นหวัง

The Learned Helplessness Experiments: การทดลองที่ทำให้สุนัขรู้สึกหมดหนทางและสิ้นหวัง

ในช่วงทศวรรษที่ 1960 นักจิตวิทยา มาร์ติน เซลิกแมน (Martin Seligman) ได้ทำการทดลองชุดหนึ่งที่กลายเป็นที่รู้จักในชื่อ "The Learned Helplessness Experiments" หรือ "การทดลองความสิ้นหวังที่เรียนรู้" ซึ่งเป็นการทดลองที่สร้างความเปลี่ยนแปลงต่อมุมมองด้านจิตวิทยา และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวลในมนุษย์

การทดลองนี้แบ่งสุนัขออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกถูกขังไว้ในกรงที่เปิดไม่ได้โดยไม่มีสิ่งกระตุ้นใดๆ กลุ่มที่สองถูกขังไว้ในกรงที่คล้ายกันแต่สามารถหยุดการกระตุ้นที่ไม่พึงประสงค์ (เช่น เสียงดัง) ได้ด้วยการกดปุ่ม และกลุ่มสุดท้ายเป็นกลุ่มควบคุมที่ไม่ได้รับการกระตุ้นใดๆ

หลังจากช่วงเวลาหนึ่ง สุนัขในกลุ่มแรกและกลุ่มที่สองถูกย้ายไปยังกรงใหม่ที่มีสองส่วน โดยมีรั้วกั้นต่ำๆ อยู่ตรงกลาง สุนัขสามารถกระโดดข้ามรั้วเพื่อหลีกเลี่ยงการกระตุ้นด้วยไฟฟ้าอ่อนๆ ที่พื้นกรงได้

ผลลัพธ์ที่น่าสนใจคือ สุนัขกลุ่มที่สองและกลุ่มควบคุม ส่วนใหญ่เรียนรู้ที่จะกระโดดข้ามรั้วเพื่อหลีกเลี่ยงการกระตุ้นที่ไม่พึงประสงค์ อย่างไรก็ตาม สุนัขกลุ่มแรกที่ไม่สามารถควบคุมการกระตุ้นในกรงแรกได้ ส่วนใหญ่กลับนอนเฉยๆ และไม่พยายามหลบหนี แม้จะถูกไฟฟ้าช็อตก็ตาม พวกมันดูเหมือนจะ "เรียนรู้" ว่าความพยายามใดๆ ที่จะหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์นั้นไร้ประโยชน์

เซลิกแมนสรุปว่า ประสบการณ์การถูกควบคุมโดยที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ นำไปสู่ภาวะที่เรียกว่า "Learned Helplessness" สุนัขกลุ่มแรกได้เรียนรู้ว่า พวกมันไม่มีอำนาจควบคุมสิ่งต่างๆ รอบตัว และยอมรับชะตากรรมของมัน แม้จะมีโอกาสที่จะหลีกเลี่ยงก็ตาม

ผลกระทบต่อความเข้าใจด้านจิตวิทยา

การทดลอง Learned Helplessness มีผลกระทบอย่างมากต่อความเข้าใจด้านจิตวิทยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านของภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล มันชี้ให้เห็นว่า ประสบการณ์เชิงลบซ้ำๆ ที่บุคคลรู้สึกว่าตนเองไม่มีอำนาจควบคุม อาจนำไปสู่ความรู้สึกสิ้นหวัง หมดหนทาง และขาดแรงจูงใจ ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า

การประยุกต์ใช้กับมนุษย์

แม้ว่าการทดลองนี้จะใช้สุนัขเป็นตัวแบบ แต่หลักการของ Learned Helplessness สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับมนุษย์ได้เช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น:

  • บุคคลที่ประสบความล้มเหลวซ้ำๆ ในการทำงาน อาจเริ่มรู้สึกสิ้นหวังและขาดแรงจูงใจในการหางานใหม่
  • นักเรียนที่ประสบปัญหาในการเรียน อาจเริ่มเชื่อว่าตนเองไม่ฉลาดพอ และยอมแพ้ต่อการเรียน
  • ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการทารุณกรรมในครอบครัว อาจรู้สึกว่าตนเองไม่มีอำนาจควบคุมสถานการณ์ และไม่พยายามขอความช่วยเหลือ

การเอาชนะ Learned Helplessness

ข่าวดีก็คือ Learned Helplessness ไม่ใช่ภาวะถาวร มีวิธีการหลายวิธีที่สามารถช่วยให้บุคคลเอาชนะความรู้สึกสิ้นหวังและกลับมามีความเชื่อมั่นในตนเองได้ เช่น:

  • การตั้งเป้าหมายเล็กๆ ที่สามารถบรรลุผลได้: การประสบความสำเร็จ แม้เพียงเล็กน้อย ก็สามารถช่วยสร้างความมั่นใจและแรงจูงใจได้
  • การมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่ตนเองควบคุมได้: แทนที่จะจมอยู่กับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ควรมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เช่น พฤติกรรมของตนเอง
  • การฝึกคิดบวก: การมองโลกในแง่ดี และการมองหาแง่มุมที่ดีในสถานการณ์ที่เลวร้าย สามารถช่วยลดความรู้สึกสิ้นหวังได้
  • การขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น: การพูดคุยกับเพื่อน ครอบครัว หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต สามารถช่วยให้บุคคลรู้สึกไม่โดดเดี่ยว และได้รับการสนับสนุนที่จำเป็น

The Learned Helplessness Experiments เป็นเครื่องเตือนใจว่า ประสบการณ์ในชีวิต สามารถส่งผลกระทบต่อความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมของเราได้อย่างลึกซึ้ง อย่างไรก็ตาม มันยังสอนให้เรารู้ว่า ความสิ้นหวังไม่ใช่จุดสิ้นสุด และเรามีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงความคิดและพฤติกรรมของเรา เพื่อสร้างชีวิตที่ดีกว่าได้

#LearnedHelplessness #จิตวิทยา #ความสิ้นหวัง #แรงจูงใจ

บทความน่าสนใจ

บทความยอดนิยมตลอดกาล

บทความที่อยู่ในกระแส