ทรัมป์เตรียมลุยหาเสียงทั่วสหรัฐฯ สัปดาห์นี้ ท่ามกลางความท้าทายจากแฮร์ริส

โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตรียมเดินสายหาเสียงทั่วประเทศในสัปดาห์นี้ โดยมีเป้าหมายสำคัญในการระดมทุนและสร้างแรงสนุนให้กับพรรครีพับลิกัน การลงพื้นที่ครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศทางการเมืองที่ร้อนแรง หลังจากที่คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดี ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายและการกระทำของทรัมป์อย่างต่อเนื่อง สร้างความกดดันให้กับทรัมป์ไม่น้อย การเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2024 จึงถือเป็นสมรภูมิสำคัญที่ทั้งสองฝ่ายต่างงัดกลยุทธ์ออกมาใช้เพื่อช่วงชิงคะแนนเสียงจากประชาชน

จากข้อมูลของ RealClearPolitics ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมผลสำรวจความคิดเห็นทางการเมือง พบว่าคะแนนนิยมของทรัมป์ยังคงอยู่ในระดับสูงในกลุ่มผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกัน โดยมีคะแนนนำเหนือผู้สมัครคนอื่นๆ ในพรรค อย่างไรก็ตาม คะแนนนิยมโดยรวมของทรัมป์ยังคงตามหลังโจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่ทรัมป์ต้องเผชิญในการเลือกตั้งที่จะมาถึง (RealClearPolitics)

หนึ่งในประเด็นสำคัญที่แฮร์ริสใช้โจมตีทรัมป์ คือเรื่องนโยบายเศรษฐกิจ แฮร์ริสเน้นย้ำถึงผลงานของรัฐบาลไบเดนในการลดอัตราการว่างงานและกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ พร้อมทั้งวิจารณ์นโยบายการค้าของทรัมป์ว่าสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ตัวเลขจากสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ ระบุว่าอัตราการว่างงานในเดือนล่าสุดอยู่ที่ 3.7% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่ง (U.S. Bureau of Labor Statistics)

นอกจากเรื่องเศรษฐกิจแล้ว ประเด็นเรื่องการเข้าถึงการรักษาพยาบาล สิทธิสตรี และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ก็เป็นอีกสมรภูมิที่ทั้งสองฝ่ายต่างมีจุดยืนที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยแฮร์ริสมักจะนำเสนอนโยบายที่ก้าวหน้ากว่าทรัมป์ ซึ่งอาจดึงดูดคะแนนเสียงจากกลุ่มคนรุ่นใหม่และผู้มีแนวคิดเสรีนิยมได้

Fun Fact: รู้หรือไม่ว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีค่าใช้จ่ายสูงมาก ในการเลือกตั้งปี 2020 มีการใช้จ่ายเงินไปกว่า 14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่ของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

การเปรียบเทียบนโยบาย

นโยบาย	ทรัมป์	แฮร์ริส/ไบเดน
ภาษี	ลดภาษี	ขึ้นภาษีคนรวย
การค้า	กีดกันทางการค้า	สนับสนุนการค้าเสรี
การดูแลสุขภาพ	ยกเลิก Obamacare	ปรับปรุง Obamacare

การเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2024 จะเป็นการแข่งขันที่ดุเดือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างทรัมป์และไบเดน ซึ่งมีนโยบายและแนวคิดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การเดินสายหาเสียงของทรัมป์ในสัปดาห์นี้ จึงเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการต่อสู้ทางการเมืองที่ยาวนานและเข้มข้น ซึ่งผลสุดท้ายจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชนชาวอเมริกัน

งานวิจัยจาก Pew Research Center ชี้ว่าประชาชนชาวอเมริกันมีความคิดเห็นที่แตกแยกอย่างมากในเรื่องต่างๆ เช่น การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการสร้างความปรองดองและความสามัคคีในประเทศ (Pew Research Center)

ในขณะที่ทรัมป์พยายามปรับตัวกับการที่แฮร์ริสกลายเป็นตัวละครสำคัญในสนามการเมือง การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นบทพิสูจน์สำคัญของทั้งสองฝ่าย และจะเป็นตัวกำหนดทิศทางของสหรัฐอเมริกาในอนาคต การติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้าน จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่สนใจติดตามการเมืองสหรัฐฯ

การเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่สำหรับสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการเมืองโลกด้วย ผู้นำคนต่อไปของสหรัฐอเมริกา จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายต่างประเทศ การค้าระหว่างประเทศ และความมั่นคงของโลก

#การเมืองสหรัฐ #เลือกตั้ง2024 #ทรัมป์ #แฮร์ริส