21 พฤษภาคม 2564

เทคนิคที่จะช่วยให้คุณทำขนมอร่อยๆ

เทคนิคที่จะช่วยให้คุณทำขนมอร่อยๆ

เทคนิคที่จะช่วยให้คุณทำขนมอร่อยๆ

ใครๆ ก็อยากทำขนมให้ออกมาอร่อย ถูกใจทั้งตัวเองและคนที่เรารัก แต่การทำขนมให้อร่อยนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยทั้งประสบการณ์ ความรู้ความเข้าใจในวัตถุดิบ รวมไปถึงเทคนิคต่างๆ ที่จะช่วยยกระดับรสชาติและหน้าตาของขนมให้ดูดีน่ารับประทาน บทความนี้นำเสนอเทคนิคที่รวบรวมมาจากประสบการณ์ของเหล่าเชฟขนมหวาน ผสานกับงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์การอาหาร เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าขนมทุกชิ้นที่ทำออกมานั้นไม่เพียงแต่สวยงามน่ามอง แต่ยังอร่อยลงตัวในทุกคำ

1. ความสำคัญของวัตถุดิบคุณภาพดี

วัตถุดิบเปรียบเสมือนหัวใจสำคัญของขนมทุกชิ้น การเลือกใช้วัตถุดิบที่สดใหม่ มีคุณภาพดี ย่อมส่งผลต่อรสชาติ กลิ่น และรูปลักษณ์ของขนมที่ทำออกมาอย่างเห็นได้ชัด ตัวอย่างเช่น การเลือกใช้เนยแท้ๆ จะให้กลิ่นหอมที่แตกต่างจากเนยเทียม หรือมาการีน การเลือกใช้ช็อกโกแลตที่มีปริมาณโกโก้สูง จะให้รสชาติเข้มข้นและกลิ่นหอมที่ชัดเจนกว่า

งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศฝรั่งเศส พบว่า ขนมปังที่ทำจากแป้งสาลีออร์แกนิก มีคะแนนด้านรสชาติและกลิ่นที่สูงกว่าขนมปังที่ทำจากแป้งสาลีทั่วไปอย่างชัดเจน เนื่องจากแป้งสาลีออร์แกนิกนั้นปราศจากสารเคมีตกค้าง ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพของกลูเตนในแป้ง ทำให้ขนมปังมีเนื้อสัมผัสที่ดีขึ้น

2. ความแม่นยำในการตวงส่วนผสม

การทำขนมนั้นแตกต่างจากการทำอาหารตรงที่ต้องอาศัยความแม่นยำในการตวงส่วนผสม เพราะสูตรขนมนั้นเปรียบเสมือนสูตรเคมี การเพิ่มหรือลดปริมาณของส่วนผสมเพียงเล็กน้อยก็อาจส่งผลต่อรสชาติ เนื้อสัมผัส และรูปลักษณ์ของขนมที่ทำออกมาได้

ยกตัวอย่างเช่น ในการทำมาการอง การตวงส่วนผสมของอัลมอนด์ปาวเดอร์ น้ำตาลไอซิ่ง และไข่ขาว ต้องมีความแม่นยำสูงมาก หากส่วนผสมใดมากหรือน้อยเกินไป เพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้มาการองที่ได้นั้น ไม่ขึ้นเท้า หรือมีผิวแตก ไม่สวยงามอย่างที่ควรจะเป็น

3. เทคนิคการตีไข่

การตีไข่เป็นอีกหนึ่งเทคนิคสำคัญที่ส่งผลต่อความฟู นุ่ม เบา ของขนมหลายชนิด เช่น เค้ก คุกกี้ ซูเฟล่ เป็นต้น

  • การตีไข่แบบ Ribbon Stage คือการตีไข่กับน้ำตาลจนขึ้นฟูเป็นริบบิ้น ใช้สำหรับทำเค้กเนื้อชิฟฟ่อน และสปันจ์เค้ก โดยเทคนิคคือ ต้องตีไข่ด้วยความเร็วสูง สังเกตว่าไข่ฟูขาว ขึ้นเป็นริบบิ้น เมื่อยกหัวตีขึ้นมา
  • การตีไข่แบบ Soft Peak คือการตีไข่ขาวกับน้ำตาลจนตั้งยอดอ่อน นิยมใช้สำหรับทำเมอแรงค์ และไอซิ่ง โดยเทคนิคคือ ใช้ความเร็วปานกลางในการตี สังเกตว่าไข่ขาวตั้งยอดอ่อนๆ เมื่อยกหัวตีขึ้นมา

4. อุณหภูมิในการอบ

อุณหภูมิในการอบขนมแต่ละชนิดนั้นไม่เท่ากัน การใช้อุณหภูมิที่เหมาะสมจะช่วยให้ขนมสุกอย่างทั่วถึง มีสีสันสวยงาม และไม่แห้งเกินไป

ชนิดของขนม อุณหภูมิ เวลา
คุกกี้เนย 180 องศาเซลเซียส 10-12 นาที
เค้กเนย 170 องศาเซลเซียส 30-35 นาที
บราวนี่ 160 องศาเซลเซียส 20-25 นาที

**Fun Fact:** รู้หรือไม่ว่า เตาอบแต่ละยี่ห้อมีความร้อนที่แตกต่างกัน ถึงแม้จะตั้งอุณหภูมิเดียวกันก็ตาม ดังนั้น เราควรทำความรู้จักกับเตาอบของเราก่อนลงมือทำขนม อาจลองอบขนมปังหรือคุกกี้สูตรง่ายๆ เพื่อทดสอบดูว่าเตาอบของเรามีความร้อนสูงหรือน้อยกว่าปกติหรือไม่ เพื่อให้การอบขนมในครั้งต่อไปออกมาสมบูรณ์แบบ

5. การเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม

อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำขนมก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อผลลัพธ์ของขนมที่ทำออกมา เช่น การเลือกใช้พิมพ์อบขนมที่มีขนาดเหมาะสมกับสูตร การใช้ตะกร้อมือหรือเครื่องตีไข่ไฟฟ้า ล้วนแล้วแต่มีผลต่อความสำเร็จของขนม

ตัวอย่างเช่น การทำชิฟฟ่อนเค้ก จำเป็นต้องใช้พิมพ์อบขนมที่มีรูตรงกลาง เพื่อช่วยระบายความร้อนขณะอบ และทำให้เค้กสุกอย่างทั่วถึง หรือการทำเค้กม้วน ควรเลือกใช้ถาดอบที่มีขนาดกว้างและขอบเตี้ย เพื่อให้สามารถม้วนเค้กได้ง่าย

การทำขนมให้อร่อยนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลลัพธ์ของความใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การเลือกใช้วัตถุดิบ การตวงส่วนผสมอย่างแม่นยำ การเรียนรู้เทคนิคต่างๆ ไปจนถึงการเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้ขนมของคุณอร่อยและน่าประทับใจ

#ขนมอร่อย #เทคนิคทำขนม #เบเกอรี่ #สูตรขนม

บทความน่าสนใจ

บทความยอดนิยมตลอดกาล

บทความที่อยู่ในกระแส