26 พฤศจิกายน 2563

เทคนิคในการดูแลสระว่ายน้ำที่จะช่วยให้น้ำใสสะอาด

เทคนิคในการดูแลสระว่ายน้ำที่จะช่วยให้น้ำใสสะอาด

เทคนิคในการดูแลสระว่ายน้ำที่จะช่วยให้น้ำใสสะอาด

สระว่ายน้ำที่ใสสะอาดดุจคริสตัลเป็นความฝันของใครหลายคน แต่การดูแลรักษาให้น้ำในสระคงความสวยงามและปลอดภัยสำหรับการใช้งานนั้น ต้องอาศัยความรู้และความใส่ใจในรายละเอียด บทความนี้นำเสนอเทคนิคที่คุณสามารถนำไปปรับใช้ได้จริง เพื่อให้สระว่ายน้ำของคุณน่าลงเล่นตลอดทั้งปี

1. การทำความสะอาดสระว่ายน้ำ: จุดเริ่มต้นของน้ำใส

การทำความสะอาดสระว่ายน้ำอย่างสม่ำเสมอเป็นหัวใจสำคัญของการดูแลรักษา โดยมีขั้นตอน ดังนี้

  1. การกำจัดสิ่งสกปรกบนผิวน้ำ: ใช้สกิมเมอร์ (Skimmer) หรืออุปกรณ์ตักใบไม้ กำจัดใบไม้ กิ่งไม้ และสิ่งสกปรกอื่นๆ ออกจากผิวน้ำเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังเกิดพายุ ลมแรง หรือมีผู้ใช้งานสระว่ายน้ำจำนวนมาก
  2. การดูดฝุ่น: ควรดูดฝุ่นที่พื้น ผนัง และมุมสระว่ายน้ำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อกำจัดตะกอน สิ่งสกปรก และสาหร่าย โดยสามารถเลือกใช้เครื่องดูดฝุ่นแบบอัตโนมัติหรือแบบใช้มือก็ได้
  3. การแปรงทำความสะอาด: ใช้แปรงทำความสะอาดขัดคราบสกปรกที่เกาะติดตามผนัง พื้น และบริเวณบันไดสระว่ายน้ำ โดยเลือกใช้ชนิดของแปรงให้เหมาะสมกับพื้นผิวของสระว่ายน้ำ

2. การรักษาสมดุลเคมีของน้ำ: หัวใจสำคัญของความใส

การรักษาสมดุลเคมีของน้ำเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้น้ำในสระสะอาด ปลอดภัย และไม่ระคายเคืองต่อผิวหนังและดวงตา โดยต้องควบคุมปัจจัยหลักๆ ดังนี้

ปัจจัย ระดับที่เหมาะสม ผลกระทบเมื่อปัจจัยต่ำเกินไป ผลกระทบเมื่อปัจจัยสูงเกินไป
pH 7.2 - 7.8 น้ำกัดกร่อน ระคายเคืองตาและผิวหนัง น้ำขุ่น ประสิทธิภาพของคลอรีนลดลง ระคายเคืองตาและผิวหนัง
ความเป็นด่างทั้งหมด (Total Alkalinity) 80 - 120 ppm pH แกว่ง น้ำกัดกร่อน ระคายเคืองตาและผิวหนัง pH สูง น้ำขุ่น ประสิทธิภาพของคลอรีนลดลง
ความกระด้างของแคลเซียม (Calcium Hardness) 200 - 400 ppm น้ำกัดกร่อน ทำลายพื้นผิวสระว่ายน้ำ น้ำขุ่น เกิดตะกรัน อุปกรณ์สระว่ายน้ำอุดตัน
ระดับคลอรีนอิสระ (Free Chlorine) 1 - 3 ppm น้ำไม่สะอาด เกิดสาหร่าย เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ระคายเคืองตาและผิวหนัง กลิ่นคลอรีนแรง อุปกรณ์สระว่ายน้ำเสียหาย

การตรวจสอบและปรับค่าเคมีของน้ำควรทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง โดยใช้ชุดทดสอบน้ำหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำในสระอยู่ในระดับที่เหมาะสม

3. การกรองน้ำ: ระบบไหลเวียนเพื่อความใสอย่างต่อเนื่อง

ระบบกรองน้ำเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยขจัดสิ่งสกปรก และรักษาความใสของน้ำในสระ โดยมีข้อแนะนำ ดังนี้

  • เปิดใช้งานระบบกรองน้ำอย่างน้อยวันละ 8-12 ชั่วโมง เพื่อให้แน่ใจว่าน้ำในสระได้รับการหมุนเวียนและกรองอย่างทั่วถึง
  • ล้างทำความสะอาดไส้กรอง (Filter) เป็นประจำ ตามคำแนะนำของผู้ผลิต หรือเมื่อเห็นว่าแรงดันน้ำในระบบกรองลดลง หรือน้ำในสระเริ่มขุ่น
  • เลือกใช้ระบบกรองน้ำที่มีประสิทธิภาพ เช่น ระบบกรองแบบทราย ระบบกรองแบบคาร์ทริดจ์ หรือระบบกรองแบบ DE (Diatomaceous Earth) ตามความเหมาะสมของขนาดและประเภทของสระว่ายน้ำ

4. การควบคุมการเจริญเติบโตของสาหร่าย: ป้องกันต้นตอของน้ำขุ่น

สาหร่ายเป็นสาเหตุหลักของน้ำขุ่น และอาจก่อให้เกิดคราบสกปรกในสระว่ายน้ำ การควบคุมการเจริญเติบโตของสาหร่ายจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยทำได้ดังนี้

  • รักษาระดับคลอรีนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เนื่องจากคลอรีนเป็นสารฆ่าเชื้อที่ช่วยควบคุมการเจริญเติบโตของสาหร่าย
  • ใช้สารกำจัดสาหร่าย (Algaecide) เป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังฝนตก หรือเมื่อสังเกตเห็นว่าน้ำในสระเริ่มมีสีเขียว หรือมีคราบสกปรก
  • กำจัดใบไม้ กิ่งไม้ และสิ่งสกปรกอื่นๆ ออกจากสระว่ายน้ำเป็นประจำ เนื่องจากเป็นแหล่งอาหารของสาหร่าย

5. การดูแลรักษาสระว่ายน้ำ: การป้องกันดีกว่าแก้ไข

การดูแลรักษาสระว่ายน้ำอย่างสม่ำเสมอช่วยป้องกันปัญหาน้ำขุ่น และยืดอายุการใช้งานของสระว่ายน้ำ โดยควรปฏิบัติ ดังนี้

  • ตรวจสอบสภาพทั่วไปของสระว่ายน้ำเป็นประจำ เช่น รอยร้าว รอยแตก หรือการชำรุดของกระเบื้อง และรีบซ่อมแซมทันทีที่พบ
  • ล้างทำความสะอาดบริเวณรอบๆ สระว่ายน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรก เช่น ดิน ทราย หรือใบไม้ ไหลลงสู่สระว่ายน้ำ
  • ปิดฝาสระว่ายน้ำเมื่อไม่ได้ใช้งาน เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกตกลงไป และลดการระเหยของน้ำ

การดูแลสระว่ายน้ำให้ใสสะอาดอยู่เสมอไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ใส่ใจในรายละเอียดและปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้น คุณก็สามารถเพลิดเพลินกับการว่ายน้ำในสระที่สวยงามและปลอดภัยได้ตลอดทั้งปี

#สระว่ายน้ำ #ทำความสะอาดสระ #น้ำใส #ดูแลสระ

บทความน่าสนใจ

บทความยอดนิยมตลอดกาล

บทความที่อยู่ในกระแส