26 พฤศจิกายน 2567

สุสานและหลุมฝังศพของมัมมี่อียิปต์: ความลับและความยิ่งใหญ่แห่งโลกหลังความตาย

สุสานและหลุมฝังศพของมัมมี่อียิปต์: ความลับและความยิ่งใหญ่แห่งโลกหลังความตาย

สุสานและหลุมฝังศพของมัมมี่อียิปต์: ความลับและความยิ่งใหญ่แห่งโลกหลังความตาย

อารยธรรมอียิปต์โบราณเต็มไปด้วยความลึกลับและความเชื่อที่น่าสนใจ หนึ่งในนั้นคือความเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย ซึ่งสะท้อนออกมาผ่านการสร้างสุสานและหลุมฝังศพอันวิจิตรบรรจงสำหรับฟาราโอและชนชั้นสูง สุสานเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ฝังศพ แต่เปรียบเสมือนประตูสู่โลกหน้าที่เต็มไปด้วยสมบัติและความหรูหรา เพื่อให้ผู้ล่วงลับเดินทางสู่ภพภูมิใหม่ได้อย่างราบรื่น

พีระมิด: สัญลักษณ์แห่งอำนาจและความมุ่งมั่นสู่สรวงสวรรค์

พีระมิด คือ สุสานขนาดมหึมาที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ฝังพระศพของฟาราโอ โดยมีความเชื่อว่ารูปทรงสามเหลี่ยมของพีระมิดเปรียบเสมือนบันไดสู่สวรรค์ ภายในพีระมิดจะประกอบด้วยห้องต่างๆ ตกแต่งอย่างวิจิตรพิสดารด้วยภาพวาด งานแกะสลัก และข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในโลกหน้าของฟาราโอ

หนึ่งในพีระมิดที่โด่งดังที่สุดคือ พีระมิดแห่งกิซ่า ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ พีระมิดแห่งกิซ่าประกอบด้วยพีระมิดขนาดใหญ่ 3 แห่ง คือ พีระมิดคูฟู (Khufu) พีระมิดคาเฟร (Khafre) และพีระมิดเมนคูเร (Menkaure) โดยพีระมิดคูฟูเป็นพีระมิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีความสูงถึง 146 เมตร และใช้เวลาสร้างกว่า 20 ปี

หุบเขากษัตริย์: สุสานหลวงที่ซ่อนเร้นในหุบเขา

ในช่วงราชวงศ์ที่ 18 ฟาโรห์ได้เปลี่ยนสถานที่สร้างสุสานจากพีระมิดมาเป็นสุสานในหุบเขา ซึ่งรู้จักกันในชื่อ "หุบเขากษัตริย์" (Valley of the Kings) สุสานเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยการขุดเจาะเข้าไปในภูเขา เพื่อปกปิดซ่อนเร้นจากการถูกบุกรุกและลักขโมยสมบัติ ภายในสุสานจะตกแต่งด้วยภาพวาดสีสันสดใส บอกเล่าเรื่องราวชีวิตและการเดินทางสู่โลกหลังความตายของฟาราโอ

สุสานที่โด่งดังที่สุดในหุบเขากษัตริย์คือ สุสานของตุตันคาเมน (Tutankhamun) ฟาโรห์หนุ่มที่สิ้นพระชนม์เมื่อมีพระชนมายุเพียง 19 พรรษา สุสานของพระองค์ถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1922 โดยโฮเวิร์ด คาร์เตอร์ (Howard Carter) นักโบราณคดีชาวอังกฤษ ภายในสุสานเต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่ามากมาย รวมถึงหน้ากากทองคำของตุตันคาเมน ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของศิลปะและวัฒนธรรมอียิปต์โบราณ

มัมมี่: การรักษาร่างกายเพื่อชีวิตนิรันดร์

ชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่าเมื่อคนเราตาย วิญญาณ (ka) จะออกจากร่างกาย แต่จะกลับคืนสู่ร่างเดิมอีกครั้งในโลกหน้า ดังนั้นจึงต้องรักษาร่างกายไม่ให้เน่าเปื่อย โดยการทำมัมมี่ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน ใช้เวลานานกว่า 70 วัน โดยจะนำอวัยวะภายในออก แล้วนำร่างไปแช่น้ำเกลือเพื่อดูดความชื้น ก่อนจะห่อด้วยผ้าลินินและทาด้วยยางไม้ เพื่อป้องกันการเน่าเปื่อย

อวัยวะ ภาชนะบรรจุ
ตับ ไหที่มีฝาเป็นรูปหัวคน
ปอด ไหที่มีฝาเป็นรูปหัวชะนี
กระเพาะ ไหที่มีฝาเป็นรูปหัวเหยี่ยว
ลำไส้ ไหที่มีฝาเป็นรูปหัวสุนัขจิ้งจอก

มัมมี่ไม่ได้มีแค่ฟาโรห์และชนชั้นสูงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสัตว์ต่างๆ เช่น แมว สุนัข ลิง ซึ่งชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ หรือเป็นสัตว์เลี้ยงที่ต้องการให้ไปอยู่ด้วยในโลกหน้า

คำสาปฟาโรห์: ความเชื่อและความจริง

หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับ "คำสาปฟาโรห์" ที่เชื่อว่าผู้บุกรุกสุสานฟาโรห์จะต้องพบกับความโชคร้าย ซึ่งเรื่องเล่านี้แพร่สะพัดอย่างมากหลังจากการค้นพบสุสานตุตันคาเมน โดยมีผู้เกี่ยวข้องกับการค้นพบเสียชีวิตอย่างลึกลับหลายคน อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ได้ออกมาชี้แจงว่า การเสียชีวิตเหล่านี้อาจเกิดจากเชื้อโรคหรือสารพิษที่อยู่ในสุสาน มากกว่าจะเป็นคำสาปแต่อย่างใด

สุสานและหลุมฝังศพ: หน้าหน้าต่างสู่ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอียิปต์โบราณ

สุสานและหลุมฝังศพของมัมมี่อียิปต์ ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ฝังศพ แต่เป็นแหล่งเรียนรู้สำคัญที่ทำให้เราเข้าใจถึงความเชื่อ ศิลปะ เทคโนโลยี และวิถีชีวิตของชาวอียิปต์โบราณ ผ่านภาพวาด สิ่งของเครื่องใช้ และสถาปัตยกรรมอันงดงาม สุสานเหล่านี้จึงเป็นมรดกอันล้ำค่าของมนุษยชาติ ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อไป

#อียิปต์โบราณ #มัมมี่ #พีระมิด #สุสาน

บทความน่าสนใจ

บทความยอดนิยมตลอดกาล

บทความที่อยู่ในกระแส