06 พฤษภาคม 2568

โครเอเชีย: ดินแดนแห่งแสงตะวันในยุโรป

โครเอเชีย: ดินแดนแห่งแสงตะวันในยุโรป

โครเอเชีย: ดินแดนแห่งแสงตะวันในยุโรป

โครเอเชีย ดินแดนที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งคาบสมุทรบอลข่าน ไม่เพียงแต่โดดเด่นด้วยทัศนียภาพอันงดงามของชายฝั่งทะเลเอเดรียติก เมืองเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน แต่ยังขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีแสงแดดอบอุ่นส่องประกายยาวนานตลอดทั้งปี ด้วยจำนวนชั่วโมงแสงแดดเฉลี่ยมากกว่า 2,700 ชั่วโมงต่อปี ส่งผลให้โครเอเชียกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสกับความอบอุ่นของแสงตะวัน และดื่มด่ำไปกับกิจกรรมกลางแจ้งท่ามกลางธรรมชาติอันบริสุทธิ์

จากข้อมูลสถิติพบว่า บริเวณชายฝั่งทะเลของโครเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแคว้นดัลเมเชีย (Dalmatia) ได้รับแสงแดดเฉลี่ยมากกว่า 2,500 ชั่วโมงต่อปี ในขณะที่พื้นที่ตอนในของประเทศ เช่น แคว้นซาเกร็บ (Zagreb) และแคว้นสลาโวเนีย (Slavonia) มีแสงแดดเฉลี่ยประมาณ 2,000-2,200 ชั่วโมงต่อปี ซึ่งนับว่ามีจำนวนชั่วโมงแสงแดดมากกว่าหลายประเทศในยุโรปตอนกลางและยุโรปเหนือ ส่งผลให้โครเอเชียมีสภาพภูมิอากาศที่หลากหลาย ตั้งแต่แบบเมดิเตอร์เรเนียนที่อบอุ่นและชื้น ไปจนถึงแบบภาคพื้นทวีปที่มีอากาศหนาวเย็นในช่วงฤดูหนาว

พลังงานแสงอาทิตย์: โอกาสและศักยภาพของโครเอเชีย

ด้วยจำนวนชั่วโมงแสงแดดที่มากมาย โครเอเชียจึงเล็งเห็นถึงศักยภาพในการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ โดยมีการส่งเสริมการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ทั้งในภาคครัวเรือน ภาคธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่มีศักยภาพสูงในการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ รัฐบาลโครเอเชียได้กำหนดเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน รวมถึงพลังงานแสงอาทิตย์ ให้มากขึ้นในอนาคต เพื่อลดการพึ่งพาพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

แสงแดดกับการท่องเที่ยว: สวรรค์ของกิจกรรมกลางแจ้ง

แสงแดดอันอบอุ่นตลอดทั้งปี ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้เดินทางมายังโครเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูร้อน นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมทางน้ำมากมาย เช่น การว่ายน้ำ การอาบแดด การแล่นเรือใบ การดำน้ำตื้น และการดำน้ำลึก นอกจากนี้ ชายฝั่งทะเลของโครเอเชียยังเป็นที่ตั้งของเกาะน้อยใหญ่กว่า 1,200 เกาะ ซึ่งหลายเกาะเป็นที่นิยมสำหรับการล่องเรือ การเดินป่า และการปั่นจักรยานเสือภูเขา ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม

ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับแสงแดดในโครเอเชีย

  • เมืองฮวาร์ (Hvar) บนเกาะฮวาร์ ได้รับฉายาว่าเป็น "เมืองแห่งแสงแดด" (Sunny Hvar) โดยมีแสงแดดเฉลี่ยมากกว่า 2,700 ชั่วโมงต่อปี
  • เกาะราบ (Rab Island) เป็นที่รู้จักในฐานะ "เกาะแห่งความสุข" (Happy Island) เนื่องจากมีแสงแดดอบอุ่น และมีชายหาดที่สวยงามหลายแห่ง
  • ชาวโครเอเชียเชื่อว่า การได้รับแสงแดดในปริมาณที่เพียงพอ ส่งผลดีต่อสุขภาพ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ

ตารางเปรียบเทียบจำนวนชั่วโมงแสงแดดเฉลี่ยต่อปีของเมืองต่างๆ ในโครเอเชีย

เมือง จำนวนชั่วโมงแสงแดดเฉลี่ยต่อปี (ชั่วโมง)
ฮวาร์ (Hvar) 2,715
สปลิต (Split) 2,699
ดูบรอฟนิก (Dubrovnik) 2,524
ซาดาร์ (Zadar) 2,498
ซาเกร็บ (Zagreb) 2,039

จากข้อมูลในตาราง จะเห็นได้ว่าเมืองฮวาร์ สปลิต และดูบรอฟนิก ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเล มีจำนวนชั่วโมงแสงแดดเฉลี่ยต่อปีมากกว่าเมืองที่อยู่ทางตอนในของประเทศ เช่น ซาเกร็บ แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของสภาพภูมิศาสตร์ที่มีต่อปริมาณแสงแดดที่ได้รับ ซึ่งส่งผลต่อวิถีชีวิต วัฒนธรรม และเศรษฐกิจของโครเอเชียในหลายด้าน

#โครเอเชีย #แสงแดด #การท่องเที่ยว #พลังงานแสงอาทิตย์

บทความน่าสนใจ

บทความยอดนิยมตลอดกาล

บทความที่อยู่ในกระแส