07 พฤษภาคม 2568

การเพาะปลูกเฉาก๊วย: จากต้นเล็กสู่วุ้นดำแสนอร่อย

การเพาะปลูกเฉาก๊วย: จากต้นเล็กสู่วุ้นดำแสนอร่อย

เฉาก๊วย ขนมหวานสีดำเย็นใจคลายร้อนที่ใครหลายคนชื่นชอบ แท้จริงแล้วมีที่มาจากพืช! ใช่แล้ว “เฉาก๊วย” ที่เราทานกันนั้น ผ่านกระบวนการแปรรูปมาจากใบของพืชชนิดหนึ่ง ก่อนจะกลายมาเป็นวุ้นนุ่มหนึบชวนรับประทาน บทความนี้จะพาไปสำรวจเส้นทางการเพาะปลูกเฉาก๊วย ตั้งแต่การปลูก ดูแล จนถึงขั้นตอนการผลิตวัตถุดิบ ไปดูกันเลยว่ากว่าจะเป็นเฉาก๊วยแสนอร่อยนั้นต้องผ่านขั้นตอนอะไรบ้าง

ทำความรู้จักกับต้นเฉาก๊วย

ต้นเฉาก๊วยมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Mesona chinensis อยู่ในวงศ์ Lamiaceae เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก ลำต้นเป็นสี่เหลี่ยม สูงประมาณ 30-100 เซนติเมตร ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปไข่ ขอบใบหยัก ดอกขนาดเล็ก สีขาว ออกเป็นช่อตามซอกใบ ผลเป็นผลแห้ง ไม่แตก

โดยทั่วไปแล้ว ต้นเฉาก๊วยสามารถปลูกได้ดีในพื้นที่ที่มีอากาศร้อนชื้น เช่น ประเทศไทย จีนตอนใต้ ไต้หวัน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไต้หวันถือเป็นแหล่งปลูกเฉาก๊วยที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก มีการเพาะปลูกกันอย่างแพร่หลาย เพื่อส่งออกไปยังประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทยด้วย

การเพาะปลูกเฉาก๊วย

การปลูกเฉาก๊วยสามารถทำได้ทั้งการเพาะเมล็ดและการปักชำ แต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป

  1. การเพาะเมล็ด เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวก แต่ใช้เวลานานกว่าจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน
  2. การปักชำ เป็นวิธีที่รวดเร็วกว่า สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ภายใน 2-3 เดือน แต่ต้องใช้ต้นพันธุ์ที่มีคุณภาพ

ขั้นตอนการเพาะปลูก

ไม่ว่าจะเลือกวิธีการปลูกแบบใด ขั้นตอนการปลูกเฉาก๊วยโดยทั่วไปมีดังนี้

  1. เตรียมดิน เฉาก๊วยชอบดินร่วนซุย ระบายน้ำดี ผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
  2. เพาะ/ปลูก หากเพาะเมล็ดให้หยอดเมล็ดลงในถาดเพาะ รดน้ำให้ชุ่ม เมื่อต้นกล้างอกแล้วจึงย้ายลงปลูกในแปลง ส่วนการปักชำให้ตัดกิ่งเฉาก๊วยยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร ปักชำลงในดิน รดน้ำให้ชุ่ม
  3. การดูแลรักษา รดน้ำสม่ำเสมอ วันละ 1-2 ครั้ง ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักทุกๆ 2 สัปดาห์ กำจัดวัชพืชเป็นประจำ

การเก็บเกี่ยวและแปรรูป

เมื่อต้นเฉาก๊วยอายุได้ประมาณ 2-4 เดือน ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และสภาพแวดล้อม ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว โดยเลือกตัดต้นเฉาก๊วยที่โตเต็มที่ มีใบสีเขียวเข้ม นำมาล้างทำความสะอาด แล้วจึงนำไปตากแห้ง หรือจะนำไปแปรรูปเป็นวุ้นเฉาก๊วยต่อไป

Fun Fact เกี่ยวกับเฉาก๊วย

รู้หรือไม่ว่า นอกจากจะนำมาทำเป็นขนมหวานแล้ว เฉาก๊วยยังมีสรรพคุณทางยาอีกด้วย เช่น ช่วยลดไข้ แก้ร้อนใน ลดอาการไอ และช่วยขับสารพิษในร่างกาย

ตารางแสดงธาตุอาหารที่พบในเฉาก๊วย 100 กรัม

ธาตุอาหาร ปริมาณ
พลังงาน 26 กิโลแคลอรี่
โปรตีน 0.3 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 6.3 กรัม
แคลเซียม 18 มิลลิกรัม
เหล็ก 0.9 มิลลิกรัม

จะเห็นได้ว่า กว่าจะมาเป็นเฉาก๊วยเย็นๆ ให้เรารับประทานนั้น ต้องผ่านขั้นตอนมากมาย ตั้งแต่การเพาะปลูก การดูแลรักษา การเก็บเกี่ยว และการแปรรูป ซึ่งแต่ละขั้นตอนล้วนมีความสำคัญ

#เฉาก๊วย #การเพาะปลูก #ขนมหวาน #สมุนไพร

บทความน่าสนใจ

บทความยอดนิยมตลอดกาล

บทความที่อยู่ในกระแส