เฉาก๊วย ขนมหวานสีดำเย็นใจคลายร้อนที่ใครหลายคนชื่นชอบ แท้จริงแล้วมีที่มาจากพืช! ใช่แล้ว “เฉาก๊วย” ที่เราทานกันนั้น ผ่านกระบวนการแปรรูปมาจากใบของพืชชนิดหนึ่ง ก่อนจะกลายมาเป็นวุ้นนุ่มหนึบชวนรับประทาน บทความนี้จะพาไปสำรวจเส้นทางการเพาะปลูกเฉาก๊วย ตั้งแต่การปลูก ดูแล จนถึงขั้นตอนการผลิตวัตถุดิบ ไปดูกันเลยว่ากว่าจะเป็นเฉาก๊วยแสนอร่อยนั้นต้องผ่านขั้นตอนอะไรบ้าง
ทำความรู้จักกับต้นเฉาก๊วย
ต้นเฉาก๊วยมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Mesona chinensis อยู่ในวงศ์ Lamiaceae เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก ลำต้นเป็นสี่เหลี่ยม สูงประมาณ 30-100 เซนติเมตร ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปไข่ ขอบใบหยัก ดอกขนาดเล็ก สีขาว ออกเป็นช่อตามซอกใบ ผลเป็นผลแห้ง ไม่แตก
โดยทั่วไปแล้ว ต้นเฉาก๊วยสามารถปลูกได้ดีในพื้นที่ที่มีอากาศร้อนชื้น เช่น ประเทศไทย จีนตอนใต้ ไต้หวัน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไต้หวันถือเป็นแหล่งปลูกเฉาก๊วยที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก มีการเพาะปลูกกันอย่างแพร่หลาย เพื่อส่งออกไปยังประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทยด้วย
การเพาะปลูกเฉาก๊วย
การปลูกเฉาก๊วยสามารถทำได้ทั้งการเพาะเมล็ดและการปักชำ แต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป
- การเพาะเมล็ด เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวก แต่ใช้เวลานานกว่าจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน
- การปักชำ เป็นวิธีที่รวดเร็วกว่า สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ภายใน 2-3 เดือน แต่ต้องใช้ต้นพันธุ์ที่มีคุณภาพ
ขั้นตอนการเพาะปลูก
ไม่ว่าจะเลือกวิธีการปลูกแบบใด ขั้นตอนการปลูกเฉาก๊วยโดยทั่วไปมีดังนี้
- เตรียมดิน เฉาก๊วยชอบดินร่วนซุย ระบายน้ำดี ผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
- เพาะ/ปลูก หากเพาะเมล็ดให้หยอดเมล็ดลงในถาดเพาะ รดน้ำให้ชุ่ม เมื่อต้นกล้างอกแล้วจึงย้ายลงปลูกในแปลง ส่วนการปักชำให้ตัดกิ่งเฉาก๊วยยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร ปักชำลงในดิน รดน้ำให้ชุ่ม
- การดูแลรักษา รดน้ำสม่ำเสมอ วันละ 1-2 ครั้ง ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักทุกๆ 2 สัปดาห์ กำจัดวัชพืชเป็นประจำ
การเก็บเกี่ยวและแปรรูป
เมื่อต้นเฉาก๊วยอายุได้ประมาณ 2-4 เดือน ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และสภาพแวดล้อม ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว โดยเลือกตัดต้นเฉาก๊วยที่โตเต็มที่ มีใบสีเขียวเข้ม นำมาล้างทำความสะอาด แล้วจึงนำไปตากแห้ง หรือจะนำไปแปรรูปเป็นวุ้นเฉาก๊วยต่อไป
Fun Fact เกี่ยวกับเฉาก๊วย
รู้หรือไม่ว่า นอกจากจะนำมาทำเป็นขนมหวานแล้ว เฉาก๊วยยังมีสรรพคุณทางยาอีกด้วย เช่น ช่วยลดไข้ แก้ร้อนใน ลดอาการไอ และช่วยขับสารพิษในร่างกาย
ตารางแสดงธาตุอาหารที่พบในเฉาก๊วย 100 กรัม
ธาตุอาหาร | ปริมาณ |
---|---|
พลังงาน | 26 กิโลแคลอรี่ |
โปรตีน | 0.3 กรัม |
คาร์โบไฮเดรต | 6.3 กรัม |
แคลเซียม | 18 มิลลิกรัม |
เหล็ก | 0.9 มิลลิกรัม |
จะเห็นได้ว่า กว่าจะมาเป็นเฉาก๊วยเย็นๆ ให้เรารับประทานนั้น ต้องผ่านขั้นตอนมากมาย ตั้งแต่การเพาะปลูก การดูแลรักษา การเก็บเกี่ยว และการแปรรูป ซึ่งแต่ละขั้นตอนล้วนมีความสำคัญ
#เฉาก๊วย #การเพาะปลูก #ขนมหวาน #สมุนไพร