07 พฤษภาคม 2568

โรคคอตีบ: ภัยเงียบที่กลับมาระบาด

โรคคอตีบ: ภัยเงียบที่กลับมาระบาด

โรคคอตีบ (Diphtheria) เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่ร้ายแรง เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Corynebacterium diphtheriae ซึ่งสามารถสร้างสารพิษทำลายเนื้อเยื่อในร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณลำคอ จมูก และหลอดลม ทำให้เกิดอาการเจ็บคออย่างรุนแรง มีไข้ ไอ หายใจลำบาก และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

การระบาดของโรคคอตีบในอดีตและปัจจุบัน

ในอดีตโรคคอตีบเคยเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กจำนวนมากทั่วโลก แต่หลังจากที่มีการคิดค้นวัคซีนป้องกันโรคคอตีบในช่วงปี ค.ศ. 1920 อัตราการป่วยและเสียชีวิตจากโรคนี้ลดลงอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาพบว่ามีการระบาดของโรคคอตีบเกิดขึ้นอีกครั้งในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย สาเหตุสำคัญของการกลับมาระบาดของโรคคอตีบคือ อัตราการได้รับวัคซีนที่ลดลง

อัตราการป่วยและการเสียชีวิตจากโรคคอตีบ

ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ในปี พ.ศ. 2563 มีรายงานผู้ป่วยโรคคอตีบจำนวน 11,000 รายทั่วโลก และมีผู้เสียชีวิตประมาณ 500 ราย โดยภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นพื้นที่ที่มีรายงานผู้ป่วยโรคคอตีบมากที่สุด

ปี จำนวนผู้ป่วย (ราย) จำนวนผู้เสียชีวิต (ราย)
2561 8,400 380
2562 9,100 420
2563 11,000 500

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคคอตีบ

โรคคอตีบสามารถแพร่กระจายจากคนสู่คน ผ่านทาง:

  1. การไอหรือจาม
  2. การสัมผัสสารคัดหลั่งจากจมูกหรือลำคอของผู้ป่วย
  3. การใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย เช่น แก้วน้ำ ช้อน ส้อม

ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคคอตีบ ได้แก่:

  • ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ หรือได้รับวัคซีนไม่ครบตามกำหนด
  • อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แออัด ไม่ถูกสุขลักษณะ
  • มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
  • เดินทางไปยังพื้นที่มีการระบาดของโรค

อาการของโรคคอตีบ

อาการของโรคคอตีบมักปรากฏขึ้นหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 2-5 วัน อาการเริ่มแรกอาจคล้ายกับอาการหวัด แต่จะรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว อาการที่พบบ่อย ได้แก่:

  • เจ็บคออย่างรุนแรง
  • มีไข้ หนาวสั่น
  • ต่อมทอนซิลบวมโต มีแผ่นเยื่อสีขาวเทาคลุมบริเวณคอหอย
  • หายใจลำบาก เสียงแหบ
  • คอแข็ง
  • น้ำลายไหลยืด
  • เบื่ออาหาร น้ำหนักลด

ในบางรายอาจมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ เส้นประสาทอักเสบ ไตวาย และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

การรักษาโรคคอตีบ

การรักษาโรคคอตีบจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค แพทย์อาจให้การรักษาดังนี้:

  • ยาปฏิชีวนะ เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อโรค
  • เซรุ่มต้านพิษคอตีบ เพื่อยับยั้งพิษของเชื้อแบคทีเรีย
  • การรักษาตามอาการ เช่น ให้ยาลดไข้ ยาแก้ไอ ยาพ่นจมูก
  • ในกรณีที่หายใจลำบากมาก แพทย์อาจใส่ท่อช่วยหายใจ

การป้องกันโรคคอตีบ

วัคซีนป้องกันโรคคอตีบเป็นวิธีป้องกันโรคที่ดีที่สุด วัคซีนป้องกันโรคคอตีบมักจะรวมอยู่ในวัคซีนรวม เช่น วัคซีน DTaP (ป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก) และวัคซีน Tdap (ป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก ชนิดสำหรับผู้ใหญ่)

นอกจากการฉีดวัคซีนแล้ว การปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันโรคคอตีบยังสามารถทำได้โดย:

  • ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำสะอาด หรือใช้เจลแอลกอฮอล์
  • ปิดปากและจมูกเมื่อไอหรือจาม
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย
  • ทำความสะอาดของเล่นและสิ่งของที่สัมผัสบ่อยๆ
  • รักษาสุขภาพให้แข็งแรง กินอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ

การดูแลสุขภาพอย่างใส่ใจและการได้รับวัคซีนป้องกันโรคคอตีบอย่างครบถ้วน เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันโรคร้ายแรงนี้ หากคุณหรือคนในครอบครัวมีอาการที่สงสัยว่าจะเป็นโรคคอตีบ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

#โรคคอตีบ #ภัยเงียบ #วัคซีน #สุขภาพ

บทความน่าสนใจ

บทความยอดนิยมตลอดกาล

บทความที่อยู่ในกระแส