โรคคอตีบ (Diphtheria) เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่ร้ายแรง เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Corynebacterium diphtheriae ซึ่งสามารถสร้างสารพิษทำลายเนื้อเยื่อในร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณลำคอ จมูก และหลอดลม ทำให้เกิดอาการเจ็บคออย่างรุนแรง มีไข้ ไอ หายใจลำบาก และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
การระบาดของโรคคอตีบในอดีตและปัจจุบัน
ในอดีตโรคคอตีบเคยเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กจำนวนมากทั่วโลก แต่หลังจากที่มีการคิดค้นวัคซีนป้องกันโรคคอตีบในช่วงปี ค.ศ. 1920 อัตราการป่วยและเสียชีวิตจากโรคนี้ลดลงอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาพบว่ามีการระบาดของโรคคอตีบเกิดขึ้นอีกครั้งในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย สาเหตุสำคัญของการกลับมาระบาดของโรคคอตีบคือ อัตราการได้รับวัคซีนที่ลดลง
อัตราการป่วยและการเสียชีวิตจากโรคคอตีบ
ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ในปี พ.ศ. 2563 มีรายงานผู้ป่วยโรคคอตีบจำนวน 11,000 รายทั่วโลก และมีผู้เสียชีวิตประมาณ 500 ราย โดยภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นพื้นที่ที่มีรายงานผู้ป่วยโรคคอตีบมากที่สุด
ปี | จำนวนผู้ป่วย (ราย) | จำนวนผู้เสียชีวิต (ราย) |
---|---|---|
2561 | 8,400 | 380 |
2562 | 9,100 | 420 |
2563 | 11,000 | 500 |
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคคอตีบ
โรคคอตีบสามารถแพร่กระจายจากคนสู่คน ผ่านทาง:
- การไอหรือจาม
- การสัมผัสสารคัดหลั่งจากจมูกหรือลำคอของผู้ป่วย
- การใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย เช่น แก้วน้ำ ช้อน ส้อม
ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคคอตีบ ได้แก่:
- ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ หรือได้รับวัคซีนไม่ครบตามกำหนด
- อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แออัด ไม่ถูกสุขลักษณะ
- มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
- เดินทางไปยังพื้นที่มีการระบาดของโรค
อาการของโรคคอตีบ
อาการของโรคคอตีบมักปรากฏขึ้นหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 2-5 วัน อาการเริ่มแรกอาจคล้ายกับอาการหวัด แต่จะรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว อาการที่พบบ่อย ได้แก่:
- เจ็บคออย่างรุนแรง
- มีไข้ หนาวสั่น
- ต่อมทอนซิลบวมโต มีแผ่นเยื่อสีขาวเทาคลุมบริเวณคอหอย
- หายใจลำบาก เสียงแหบ
- คอแข็ง
- น้ำลายไหลยืด
- เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
ในบางรายอาจมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ เส้นประสาทอักเสบ ไตวาย และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
การรักษาโรคคอตีบ
การรักษาโรคคอตีบจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค แพทย์อาจให้การรักษาดังนี้:
- ยาปฏิชีวนะ เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อโรค
- เซรุ่มต้านพิษคอตีบ เพื่อยับยั้งพิษของเชื้อแบคทีเรีย
- การรักษาตามอาการ เช่น ให้ยาลดไข้ ยาแก้ไอ ยาพ่นจมูก
- ในกรณีที่หายใจลำบากมาก แพทย์อาจใส่ท่อช่วยหายใจ
การป้องกันโรคคอตีบ
วัคซีนป้องกันโรคคอตีบเป็นวิธีป้องกันโรคที่ดีที่สุด วัคซีนป้องกันโรคคอตีบมักจะรวมอยู่ในวัคซีนรวม เช่น วัคซีน DTaP (ป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก) และวัคซีน Tdap (ป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก ชนิดสำหรับผู้ใหญ่)
นอกจากการฉีดวัคซีนแล้ว การปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันโรคคอตีบยังสามารถทำได้โดย:
- ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำสะอาด หรือใช้เจลแอลกอฮอล์
- ปิดปากและจมูกเมื่อไอหรือจาม
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย
- ทำความสะอาดของเล่นและสิ่งของที่สัมผัสบ่อยๆ
- รักษาสุขภาพให้แข็งแรง กินอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ
การดูแลสุขภาพอย่างใส่ใจและการได้รับวัคซีนป้องกันโรคคอตีบอย่างครบถ้วน เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันโรคร้ายแรงนี้ หากคุณหรือคนในครอบครัวมีอาการที่สงสัยว่าจะเป็นโรคคอตีบ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
#โรคคอตีบ #ภัยเงียบ #วัคซีน #สุขภาพ