ในยุคที่ผู้คนต่างใฝ่หาความสุขท่ามกลางกระแสบริโภคนิยมที่เชื้อเชิญให้เราซื้อสินค้าใหม่ๆอยู่เสมอ "มินิมอลลิสม์" ได้เข้ามาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ มินิมอลลิสม์ ไม่ใช่เพียงแค่การจัดบ้านให้โล่ง หรือการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีพื้นๆ แต่เป็นแนวคิดในการใช้ชีวิตที่เน้นความเรียบง่าย ตัดสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกไป และให้ความสำคัญกับสิ่งที่มีคุณค่าต่อชีวิตอย่างแท้จริง แต่คำถามที่น่าสนใจคือ แนวคิดนี้จะช่วยให้เรามีความสุขมากขึ้นจริงหรือไม่ มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดบ้างที่ช่วยยืนยัน
จากงานวิจัยของนักจิตวิทยาจาก UCLA พบว่า ผู้คนที่อาศัยอยู่ในบ้านที่มีข้าวของรก มักจะมีระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล (ฮอร์โมนความเครียด) สูงกว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในบ้านที่เป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งฮอร์โมนคอร์ติซอลที่สูงขึ้นนี้ ส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ ทำให้เกิดความวิตกกังวล นอนไม่หลับ และเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าได้
ไม่เพียงเท่านั้น งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Personality and Social Psychology ยังชี้ให้เห็นว่า การใช้จ่ายเงินไปกับประสบการณ์ต่างๆ เช่น การท่องเที่ยว การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หรือการใช้เวลากับคนที่รัก ส่งผลต่อความสุขในระยะยาวมากกว่าการใช้จ่ายเงินไปกับสิ่งของ
ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของมินิมอลลิสม์ที่ให้ความสำคัญกับคุณค่าที่แท้จริงของชีวิต มากกว่าการสะสมสิ่งของ โดยเน้นการใช้จ่ายเงินไปกับประสบการณ์ที่สร้างความสุขและความหมายให้กับชีวิตมากกว่า
นอกจากนี้ มินิมอลลิสม์ยังส่งเสริมให้เรามีอิสรภาพมากขึ้น เมื่อเรามีสิ่งของน้อยลง เราก็ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาและพลังงานไปกับการดูแลรักษาสิ่งของเหล่านั้นมาก ทำให้เรามีเวลาและอิสรภาพในการทำสิ่งที่เรารัก สร้างความสุข และเติมเต็มชีวิตในแบบของเราได้อย่างแท้จริง
แม้ว่ามินิมอลลิสม์จะเป็นแนวคิดที่น่าสนใจและมีงานวิจัยที่สนับสนุน แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นมินิมอลลิสต์ สิ่งสำคัญคือการค้นหาความสมดุลในชีวิตของตัวเอง เลือกรับสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในแบบของตัวเอง
#Minimalism #ความสุข #วิทยาศาสตร์ #ไลฟ์สไตล์