28 พฤศจิกายน 2567

โอลิมปิก 2024: บุคลิกภาพด้านมืดส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างโค้ชและนักกีฬาเจ้าของเหรียญทองอย่างไร

โอลิมปิก 2024: บุคลิกภาพด้านมืดส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างโค้ชและนักกีฬาเจ้าของเหรียญทองอย่างไร

โอลิมปิก 2024: บุคลิกภาพด้านมืดส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างโค้ชและนักกีฬาเจ้าของเหรียญทองอย่างไร

การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีสกำลังจะมาถึงในไม่ช้า นับเป็นมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่คนทั้งโลกต่างเฝ้ารอชม เหล่านักกีฬาต่างทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่อช่วงชิงเหรียญรางวัลอันทรงเกียรติ แต่เบื้องหลังความสำเร็จของนักกีฬาที่คว้าเหรียญทอง นอกจากความสามารถและความมุ่งมั่นแล้ว ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งคือ บุคลิกภาพของพวกเขารวมถึงบุคลิกภาพด้านมืด ซึ่งอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างโค้ชและนักกีฬาได้อย่างคาดไม่ถึง

บุคลิกภาพด้านมืด (Dark Triad) เป็นกลุ่มลักษณะบุคลิกภาพที่ประกอบด้วย

  1. นิยมความหลงตัวเอง (Narcissism) : มีแนวโน้มที่จะเห็นคุณค่าในตนเองสูงเกินจริง ชอบโอ้อวด ชอบเป็นจุดสนใจ
  2. นิยมความบงการ (Machiavellianism) : มักจะฉวยโอกาส ใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนเองต้องการ โดยไม่สนใจศีลธรรม
  3. นิยมความโหดร้าย (Psychopathy) : ขาดความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ไม่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี

แม้ว่าบุคลิกภาพเหล่านี้อาจฟังดูเป็นแง่ลบ แต่ในบางสถานการณ์ บุคลิกภาพด้านมืดกลับส่งผลดีต่อความสำเร็จของนักกีฬาได้ ตัวอย่างเช่น นักกีฬาที่มีแนวโน้มนิยมความหลงตัวเอง อาจมีความมั่นใจในตนเองสูง กล้าเสี่ยง กล้าแสดงออก ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นต่อการแข่งขันในระดับสูง นอกจากนี้ งานวิจัยบางชิ้นยังพบว่า นักกีฬาที่มีแนวโน้มนิยมความบงการ มักจะมีความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะสูง มีแรงจูงใจในการฝึกซ้อมอย่างหนัก ซึ่งเป็นปัจจัยที่นำไปสู่ความสำเร็จในสนามแข่งขันได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม บุคลิกภาพด้านมืด ก็อาจส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ระหว่างโค้ชและนักกีฬาได้เช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น นักกีฬาที่มีแนวโน้มนิยมความหลงตัวเอง อาจไม่ยอมรับฟังคำแนะนำจากโค้ช มักจะทำอะไรตามใจตนเอง ซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งในทีมได้ ขณะที่นักกีฬาที่มีแนวโน้มนิยมความบงการ อาจใช้เล่ห์เหลี่ยมต่างๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนเองต้องการ แม้กระทั่งการทำลายเพื่อนร่วมทีม หรือไม่เคารพกฎกติกา ซึ่งส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของทีมในวงกว้างได้

ตารางด้านล่าง แสดงให้เห็นถึงตัวอย่างอิทธิพลของบุคลิกภาพด้านมืดต่อความสัมพันธ์ระหว่างโค้ชและนักกีฬา

บุคลิกภาพด้านมืด ผลกระทบเชิงบวก ผลกระทบเชิงลบ
นิยมความหลงตัวเอง มีความมั่นใจในตนเองสูง กล้าแสดงออก ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นผู้อื่น ยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง
นิยมความบงการ มีความมุ่งมั่นสูง มีแรงจูงใจในการเอาชนะ ใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ ไม่สนใจศีลธรรม
นิยมความโหดร้าย ควบคุมอารมณ์ได้ดี ไม่หวั่นไหวง่าย ขาดความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ก้าวร้าวรุนแรง

จากข้อมูลข้างต้น แสดงให้เห็นว่า บุคลิกภาพด้านมืดนั้น เป็นดาบสองคมที่ส่งผลต่อทั้งแง่บวกและแง่ลบต่อความสัมพันธ์ระหว่างโค้ชและนักกีฬา ดังนั้น โค้ชจึงมีบทบาทสำคัญในการทำความเข้าใจบุคลิกภาพของนักกีฬาแต่ละคน เพื่อหาวิธีการฝึกฝนและกระตุ้นนักกีฬาอย่างเหมาะสม รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันบนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกัน เพื่อนำพานักกีฬาไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน

ในโอลิมปิก 2024 นี้ นอกจากจะได้ร่วมลุ้นผลการแข่งขันแล้ว การเฝ้าสังเกตความสัมพันธ์ระหว่างโค้ชและนักกีฬา ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะเบื้องหลังเหรียญทอง อาจมีเรื่องราวความสัมพันธ์อันซับซ้อนที่เราคาดไม่ถึงก็เป็นได้

#โอลิมปิก #จิตวิทยา

บทความน่าสนใจ

บทความยอดนิยมตลอดกาล

บทความที่อยู่ในกระแส