01 สิงหาคม 2567

ไดโนเสาร์กับการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่


ไดโนเสาร์กับการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่

ไดโนเสาร์ สัตว์โลกล้านปีที่ครองความยิ่งใหญ่บนโลกใบนี้ยาวนานกว่า 165 ล้านปี พวกมันเป็นยักษ์ใหญ่ สัญลักษณ์แห่งพลังอำนาจ แต่แล้ววันหนึ่ง อาณาจักรของไดโนเสาร์ก็ล่มสลายลงพร้อมกับการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ที่คร่าชีวิตสิ่งมีชีวิตไปกว่า 76% เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ 66 ล้านปีก่อน นักวิทยาศาสตร์ต่างพยายามหาคำตอบว่า อะไรเป็นสาเหตุของหายนะครั้งนี้

ทฤษฎีการสูญพันธุ์

ทฤษฎีที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดคือ ทฤษฎีการชนของดาวเคราะห์น้อย โดยมีหลักฐานสำคัญคือ แหล่งอุกกาบาตชิกซูลุบ (Chicxulub Crater) ในประเทศเม็กซิโก ที่มีขนาดกว้างถึง 180 กิโลเมตร นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่า ดาวเคราะห์น้อยที่พุ่งชนโลกในครั้งนั้น มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 10 กิโลเมตร ผลกระทบจากการชนทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือน แผ่นดินไหว สึนามิขนาดยักษ์ และฝุ่นควันจำนวนมหาศาลฟุ้งกระจายปกคลุมชั้นบรรยากาศ

นอกจากนี้ ยังส่งผลให้เกิด ปรากฏการณ์ฤดูหนาวนิวเคลียร์ (Nuclear Winter) แสงอาทิตย์ไม่สามารถส่องผ่านชั้นฝุ่นควันได้ ทำให้อุณหภูมิของโลกลดลงอย่างรวดเร็ว ต้นไม้จำนวนมากล้มตาย สัตว์ที่กินพืชเป็นอาหารขาดแคลนอาหารและทยอยล้มตาย ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปยังสัตว์กินเนื้อในที่สุด

ผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิต

การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ในยุคครีเทเชียส-พาลีโอจีน (Cretaceous-Paleogene extinction event) ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อไดโนเสาร์เท่านั้น แต่ยังคร่าชีวิตสิ่งมีชีวิตในทะเลไปจำนวนมาก เช่น แอมโมไนต์ สัตว์ทะเลเปลือกแข็งที่เคยครองอาณาจักรใต้ท้องทะเล รวมถึงสัตว์เลื้อยคลานทางทะเลขนาดใหญ่อย่าง โมซาซอร์ และ ไพลโอซอร์ ก็สูญพันธุ์ไปด้วยเช่นกัน

บทเรียนจากการสูญพันธุ์

การสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์เป็นเครื่องเตือนใจให้มนุษย์ตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงของโลก ภัยพิบัติทางธรรมชาติสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลก

Fun Fact

  • แม้ไดโนเสาร์ส่วนใหญ่จะสูญพันธุ์ไปแล้ว แต่ยังมีไดโนเสาร์บางสายพันธุ์ที่วิวัฒนาการมาเป็นนกในปัจจุบัน
  • ฟอสซิลไดโนเสาร์ถูกค้นพบครั้งแรกในประเทศจีน แต่ในอดีตยังไม่มีใครรู้จัก จึงเรียกซากฟอสซิลเหล่านั้นว่า “กระดูกมังกร”

#ไดโนเสาร์ #การสูญพันธุ์ #ดาวเคราะห์น้อย #โลกยุคดึกดำบรรพ์

บทความน่าสนใจ

บทความยอดนิยมตลอดกาล

บทความที่อยู่ในกระแส