04 เมษายน 2566

หอกลองกินุส: ตำนานและความจริง

หอกลองกินุส: ตำนานและความจริง

หอกลองกินุส: ตำนานและความจริง

หอกลองกินุส (Hakurokaku) หรือ ปราสาทปราณขาว เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองมัตสึโมโตะ ประเทศญี่ปุ่น โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นโบราณอันงดงาม ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ณ ปราสาทแห่งนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และตำนานอันน่าพิศวง โดยเฉพาะตำนานเล่าขานเกี่ยวกับหญิงสาวนาม "โอคิคุ" ที่ยังคงเป็นปริศนาจนถึงปัจจุบัน

หอกลองกินุสได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสามปราสาทที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น เคียงข้างปราสาทฮิเมจิ และปราสาทคุมะโมะโตะ ความงดงามของสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ผสานกับทัศนียภาพอันงดงามของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นที่ตั้งตระหง่านเป็นฉากหลัง ทำให้หอกลองกินุสเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม มีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเดินทางมาเยี่ยมชมมากกว่า 700,000 คนต่อปี (อ้างอิงจากข้อมูลปี 2019 ขององค์การท่องเที่ยวแห่งชาติญี่ปุ่น)

ตำนานความเศร้าของโอคิคุ

เรื่องราวที่โด่งดังที่สุดของปราสาทแห่งนี้คือตำนานของโอคิคุ หญิงรับใช้ผู้เลอโฉมที่ถูกใส่ร้ายว่าขโมยแผ่นทองคำอันล้ำค่า 1 ใน 10 แผ่น ที่ใช้ประดับหอคอยปราสาท ว่ากันว่าผู้ที่ใส่ร้ายโอคิคุคือ "เทะสึกิ" ซามูไรหนุ่มผู้หลงรักนาง และต้องการให้นางตกเป็นของตน แต่โอคิคุปฏิเสธ จึงถูกใส่ร้ายในที่สุด

แม้โอคิคุจะยืนยันความบริสุทธิ์ แต่ก็ไม่มีผู้ใดเชื่อ นางถูกทรมานอย่างหนัก และในที่สุดถูกโยนลงไปในบ่อน้ำเก่าแก่ภายในปราสาท บ้างก็ว่านางฆ่าตัวตายเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง

เรื่องเล่าต่อมาว่าหลังจากโอคิคุเสียชีวิต วิญญาณของนางก็ยังคงวนเวียนอยู่ในบ่อน้ำ และร้องไห้คร่ำครวญทุกคืน นับจำนวนแผ่นทองคำที่หายไปอย่างน่าเศร้า สร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้คนในปราสาท จนกระทั่งเจ้าเมืองคนใหม่ได้ยินเสียงร้องไห้ของโอคิคุ เกิดความสงสารจึงได้ทำพิธีสะกดวิญญาณของนางไว้ ณ บ่อน้ำแห่งนั้น และเรียกบ่อน้ำนั้นว่า "บ่อน้ำโอคิคุ" นับแต่นั้นเป็นต้นมา

ความจริงที่ซ hidden อยู่เบื้องหลังตำนาน

แม้ตำนานของโอคิคุจะเป็นที่เลื่องลือ แต่จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์กลับไม่ปรากฏชื่อของโอคิคุในบันทึกใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับปราสาทมัตสึโมะโตะ นักประวัติศาสตร์เชื่อว่าตำนานของโอคิคุ อาจเป็นเรื่องที่แต่งเติมขึ้นภายหลัง เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับปราสาท

อย่างไรก็ตาม มีข้อสันนิษฐานว่า ตำนานของโอคิคุ อาจมีที่มาจากเรื่องราวของหญิงรับใช้จริง ๆ ที่เคยทำงานอยู่ในปราสาท และประสบชะตากรรมอันน่าเศร้า ซึ่งเรื่องราวของนางอาจถูกเล่าขานต่อๆ กันมา จนกลายเป็นตำนานที่เราได้ยินกันในปัจจุบัน

ความงดงามเหนือกาลเวลาของสถาปัตยกรรม

แม้ตำนานของโอคิคุจะเป็นเพียงเรื่องเล่าขาน แต่ความงดงามของหอกลองกินุส ก็ยังคงส drawing in ผู้คนจากทั่วโลก ปราสาทแห่งนี้เป็นตัวอย่างชั้นเลิศของสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นยุคเซ็งโงกุ (ศตวรรษที่ 15-16) ผสมผสานกับสไตล์ของยุคอะซึชิโมะโมะยะมะ (ศตวรรษที่ 16) โดดเด่นด้วยหลังคาทรงจั่วสูงชันสีดำ บานประตูเลื่อนแบบญี่ปุ่นโบราณ และป้อมปราการที่แข็งแกร่ง

ภายในปราสาทประกอบด้วยหอคอยหลัก 6 ชั้น เชื่อมต่อกันด้วยบันไดไม้แคบๆ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของปราสาทโบราณ ที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันข้าศึก นอกจากนี้ภายในปราสาทยังมีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของปราสาท และข้าวของเครื่องใช้ในอดีต รวมถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ของซามูไรในสมัยก่อน

ชั้น รายละเอียด
1 ห้องโถงรับรองแขกคนสำคัญ
2 ห้องเก็บอาวุธ
3 ห้องทำงานของเจ้าเมือง
4 ห้องพักของเจ้าเมือง
5 ห้องชมวิว
6 หอสังเกตการณ์

นอกจากนี้ บริเวณโดยรอบปราสาทยังรายล้อมไปด้วยสวนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ซึ่งมีต้นไม้ ดอกไม้ และบ่อน้ำ ตกแต่งอย่างงดงาม สวนแห่งนี้มีชื่อว่า "สวนไคราคุเอ็น" ถูกสร้างขึ้นในสมัยเอโดะ และได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสวนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นเช่นกัน

ปราสาทมัตสึโมะโตะ หรือ หอกลองกินุส ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่งดงามเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น ตำนานและเรื่องราวที่เล่าขานต่อกันมา ทำให้ปราสาทแห่งนี้เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ให้มาสัมผัสความงดงามและเรื่องราวอันน่าพิศวงด้วยตนเอง

#ญี่ปุ่น #ปราสาท #มัตสึโมโตะ #ตำนาน

บทความน่าสนใจ

บทความยอดนิยมตลอดกาล

บทความที่อยู่ในกระแส