09 มีนาคม 2566

ความเครียดเรื้อรัง: ภัยเงียบที่คุกคามระบบภูมิคุ้มกัน

ความเครียดเรื้อรัง: ภัยเงียบที่คุกคามระบบภูมิคุ้มกัน

ความเครียดเรื้อรัง: ภัยเงียบที่คุกคามระบบภูมิคุ้มกัน

ในยุคสมัยที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและการแข่งขัน การเผชิญกับความเครียดกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นความเครียดจากการทำงาน การเรียน หรือแม้แต่ความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง แม้ความเครียดในระดับหนึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้เรามีกำลังใจในการใช้ชีวิต แต่หากปล่อยให้ความเครียดสะสมจนกลายเป็น "ความเครียดเรื้อรัง" ย่อมส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและใจในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ระบบภูมิคุ้มกัน" ที่ทำหน้าที่เสมือนปราการสำคัญในการป้องกันร่างกายจากโรคภัยไข้เจ็บ

ความสัมพันธ์ระหว่างความเครียดเรื้อรังและระบบภูมิคุ้มกัน

เมื่อเราเผชิญกับความเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความเครียด เช่น คอร์ติซอล และอะดรีนาลีน ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้มีส่วนสำคัญในการเตรียมร่างกายให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์คับขัน อย่างไรก็ตาม หากร่างกายอยู่ในภาวะเครียดเป็นเวลานาน ฮอร์โมนความเครียดที่หลั่งออกมามากเกินไป จะเริ่มส่งผลเสียต่อระบบภูมิคุ้มกัน โดยไปยับยั้งการทำงานของเซลล์ المناรากรต่างๆ เช่น เซลล์เม็ดเลือดขาว T lymphocytes และ natural killer cells ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการต่อสู้กับเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมลดลง ร่างกายจึงติดเชื้อได้ง่ายขึ้น

ผลกระทบของความเครียดเรื้อรังต่อสุขภาพ

ผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์มากมายชี้ให้เห็นว่า ความเครียดเรื้อรังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคภัยต่างๆ ได้มากมาย โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน อาทิเช่น

  1. ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ผู้ที่มีความเครียดเรื้อรังมักมีแนวโน้มป่วยเป็นหวัด ไข้หวัดใหญ่ หรือโรคติดเชื้ออื่นๆ ได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
  2. แผลหายช้า ความเครียดส่งผลต่อการสมานแผล ทำให้แผลหายช้าลง และเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่แผลมากขึ้น
  3. โรคเรื้อรังกำเริบ ความเครียดเรื้อรังเป็นปัจจัยกระตุ้นให้โรคเรื้อรังต่างๆ กำเริบได้ง่ายขึ้น เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคลำไส้อักเสบ โรคหอบหืด
  4. โรคภูมิต้านตนเอง ความเครียดเรื้อรังอาจรบกวนระบบภูมิคุ้มกัน จนทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันทำลายเซลล์ของตัวเอง เกิดเป็นโรคภูมิต้านตนเอง เช่น โรคลูปัส โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์

ตารางแสดงความสัมพันธ์ระหว่างระดับความเครียดและความเสี่ยงในการป่วยเป็นหวัด

ระดับความเครียด ความเสี่ยงในการป่วยเป็นหวัด
ต่ำ ต่ำ
ปานกลาง เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
สูง เพิ่มขึ้นมาก

จากตารางข้างต้น จะเห็นได้ว่า ยิ่งระดับความเครียดสูงขึ้นเท่าไหร่ ความเสี่ยงในการป่วยเป็นหวัดก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะผู้ที่มีความเครียดในระดับสูง จะมีความเสี่ยงในการป่วยเป็นหวัดมากกว่าผู้ที่มีความเครียดต่ำ

Fun Fact เกี่ยวกับความเครียด

  • ทราบหรือไม่ว่า เสียงหัวเราะสามารถช่วยลดระดับฮอร์โมนความเครียดได้
  • การกอดช่วยหลั่งฮอร์โมน "อ็อกซิโทซิน" ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุข ช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลได้
  • การเลี้ยงสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัขหรือแมว สามารถช่วยลดความเครียด และทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

การดูแลตัวเองและป้องกันความเครียดเรื้อรัง

การดูแลสุขภาพกายและใจเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันความเครียดเรื้อรัง และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงอยู่เสมอ ลองนำวิธีการเหล่านี้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน

  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุข ช่วยลดความเครียดได้เป็นอย่างดี
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เลือกรับประทานอาหารที่หลากหลาย ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช ลดอาหารหวาน มัน เค็ม ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพ
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และเตรียมพร้อมสำหรับวันใหม่
  • ฝึกผ่อนคลายความเครียด มองหาวิธีผ่อนคลายความเครียดที่เหมาะสมกับตัวเอง เช่น ฟังเพลง อ่านหนังสือ ทำสวน เล่นโยคะ หรือทำสมาธิ
  • พูดคุยกับคนใกล้ชิด การพูดคุยระบายความรู้สึกกับคนใกล้ชิดที่ไว้ใจได้ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลาย ลดความกังวล และรับมือกับความเครียดได้ดีขึ้น
  • หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นความเครียด หากรู้ว่าสิ่งใดเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความเครียด พยายามหลีกเลี่ยง หรือหาทางรับมือกับสิ่งนั้นอย่างเหมาะสม

สุดท้ายนี้ อย่าลืมให้เวลากับตัวเอง ดูแลสุขภาพกายและใจ และหมั่นสังเกตความผิดปกติของร่างกายอยู่เสมอ หากรู้สึกว่ามีความเครียดสะสมจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม เพราะการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ ย่อมดีกว่าการต้องมาแก้ไขเมื่อเจ็บป่วยแล้ว

#สุขภาพ #ความเครียด #ภูมิคุ้มกัน #ดูแลตัวเอง

บทความน่าสนใจ

บทความยอดนิยมตลอดกาล

บทความที่อยู่ในกระแส