05 มกราคม 2566

6 เดือนแห่งการรอคอย: เมื่อสัญญาณไฟจราจรกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

6 เดือนแห่งการรอคอย: เมื่อสัญญาณไฟจราจรกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

6 เดือนแห่งการรอคอย: เมื่อสัญญาณไฟจราจรกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

เคยรู้สึกเหมือนกันไหมว่า ชีวิตประจำวันของเราเต็มไปด้วยการรอคอย? รอรถเมล์ รอคิว รออาหาร และอีกหนึ่งการรอคอยที่หลายคนอาจไม่ทันสังเกต แต่มันกินเวลาในชีวิตเราไปไม่น้อยเลยทีเดียว นั่นคือ การรอสัญญาณไฟจราจร

สถิติน่าตกใจที่หลายคนอาจยังไม่รู้ คือ โดยเฉลี่ยแล้ว คนเราจะใช้เวลารวมกันประมาณ 6 เดือนในชีวิตไปกับการรอสัญญาณไฟจราจร ลองนึกภาพตามดูสิว่า 6 เดือนที่ว่านี้ เราสามารถเอาไปทำอะไรได้ตั้งมากมาย อาจจะเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว อ่านหนังสือจบไปได้อีกหลายเล่ม หรือแม้กระทั่งเดินทางท่องเที่ยวรอบโลกได้เลยทีเดียว


แล้วทำไมเราต้องเสียเวลากับสัญญาณไฟจราจรมากมายขนาดนี้?

เหตุผลหลักๆ เลยก็คือ สัญญาณไฟจราจรถูกสร้างขึ้นมาเพื่อควบคุมการจราจร ป้องกันอุบัติเหตุ และสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อยบนท้องถนน ถึงแม้ว่าในบางครั้ง เราอาจจะรู้สึกว่าสัญญาณไฟจราจรทำให้การเดินทางของเรานั้นช้าลง แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันคือปัจจัยสำคัญที่ช่วยรักษาชีวิตของเราและคนอื่นๆ บนท้องถนนเอาไว้ต่างหาก

ลองจินตนาการถึงโลกที่ปราศจากสัญญาณไฟจราจรดูสิ รถราบนท้องถนนจะวิ่งปะปนกันอย่างวุ่นวาย เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงได้ทุกเมื่อ สัญญาณไฟจราจรเปรียบเสมือนผู้คุมกฎจราจร คอยจัดระเบียบให้รถแต่ละเลน สลับกันไปได้อย่างปลอดภัย แม้ว่าบางครั้งอาจจะต้องแลกมากับเวลาที่เสียไปบ้าง


Fun Facts เกี่ยวกับสัญญาณไฟจราจร

  • สัญญาณไฟจราจรแบบที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน ถูกติดตั้งครั้งแรกในปี ค.ศ. 1914 ที่เมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา
  • สีของสัญญาณไฟจราจร ไม่ได้ถูกเลือกมาแบบสุ่ม สีแดง สื่อถึงอันตราย จึงถูกเลือกให้เป็นสัญลักษณ์ของการหยุดรถ สีเหลือง เป็นสีที่มองเห็นได้ชัดเจนที่สุด จึงใช้เป็นสัญญาณเตือนให้ระวัง ส่วนสีเขียว สื่อถึงความปลอดภัย จึงใช้เป็นสัญญาณอนุญาตให้รถผ่านได้
  • รู้หรือไม่ว่า สัญญาณไฟจราจรบางแห่ง มีการติดตั้งกล้องและเซ็นเซอร์ เพื่อตรวจจับปริมาณรถและปรับเปลี่ยนจังหวะไฟตามความเหมาะสม เพื่อช่วยลดเวลาการรอคอยและระบายรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เวลาที่เสียไปกับสัญญาณไฟจราจร แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ

ปัจจัยหลายอย่างส่งผลต่อระยะเวลาเฉลี่ยที่คนในแต่ละประเทศต้องเสียไปกับการรอสัญญาณไฟจราจร ไม่ว่าจะเป็น จำนวนประชากร ปริมาณรถยนต์บนท้องถนน ระบบการจัดการจราจร และวินัยในการขับรถของประชาชน

ประเทศ เวลาเฉลี่ยที่ใช้รอสัญญาณไฟจราจรต่อปี (ชั่วโมง)
สหรัฐอเมริกา 100 ชั่วโมง
เม็กซิโก 96 ชั่วโมง
รัสเซีย 83 ชั่วโมง
เยอรมนี 40 ชั่วโมง
ญี่ปุ่น 30 ชั่วโมง

จากตารางข้างต้น จะเห็นได้ว่า สหรัฐอเมริกาและเม็กซิโก เป็นประเทศที่ประชาชนต้องเสียเวลารอสัญญาณไฟจราจรมากที่สุด ส่วนประเทศที่มีระบบการจัดการจราจรที่ดีเยี่ยมอย่างเยอรมนีและญี่ปุ่น ประชาชนใช้เวลารอสัญญาณไฟจราจรน้อยกว่าประเทศอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด


เราพอจะลดเวลาการรอคอยสัญญาณไฟจราจรลงได้อย่างไร?

แม้ว่าเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการรอคอยสัญญาณไฟจราจรได้อย่างสิ้นเชิง แต่ก็มีวิธีที่ช่วยลดเวลาที่เสียไปได้ อย่างเช่น:

  1. วางแผนการเดินทางล่วงหน้า เลือกใช้เส้นทางที่รถไม่ติดขัด หรือเดินทางในช่วงเวลาที่การจราจรเบาบาง
  2. ใช้บริการขนส่งสาธารณะ การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน หรือรถบัส อาจช่วยประหยัดเวลาได้มากกว่าการขับรถยนต์ส่วนตัว โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน
  3. ใช้แอปพลิเคชันนำทาง แอปฯ นำทางยุคใหม่ ไม่ได้แค่บอกเส้นทาง แต่ยังแสดงสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ ทำให้เราสามารถหลีกเลี่ยงเส้นทางที่รถติด และเลือกใช้เส้นทางที่ช่วยให้ถึงจุดหมายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
  4. ขับขี่อย่างมีวินัย การขับรถตัดหน้า ปาดซ้ายแซงขวา หรือไม่เคารพกฎจราจร ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้รถติด และทำให้เราต้องเสียเวลารอสัญญาณไฟจราจรมากขึ้นโดยไม่จำเป็น

แม้ว่า 6 เดือน อาจจะเป็นเวลาที่ดูมากมาย แต่เมื่อเทียบกับประโยชน์ในด้านความปลอดภัยแล้ว การรอคอยสัญญาณไฟจราจรก็ถือเป็นสิ่งที่เราควรให้ความสำคัญ และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของทั้งตัวเราและผู้ใช้ท้องถนนคนอื่นๆ


#สัญญาณไฟจราจร #การจราจร #ความปลอดภัยบนท้องถนน #FunFacts

บทความน่าสนใจ

บทความยอดนิยมตลอดกาล

บทความที่อยู่ในกระแส