พระสารีบุตร : ปราชญ์แห่งพระพุทธศาสนา
ในหมู่สาวกผู้ใกล้ชิดพระพุทธเจ้า มีพระอัครสาวกเบื้องขวา ผู้เลื่องลือในด้านสติปัญญา และความเฉียบแหลมในการแสดงธรรม นามว่า พระสารีบุตร พระองค์เปรียบเสมือนพระจันทร์ข้างแรม คอยส่องสว่างในยามที่พระพุทธดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า นำพาพุทธบริษัทข้ามผ่านความมืดมิดแห่งอวิชชาด้วยแสงแห่งธรรม
ชีวิตปฐมวัยและเส้นทางสู่ธรรม
พระสารีบุตร มีนามเดิมว่า อุปติสสะ เกิดในตระกูลพราหมณ์ ณ หมู่บ้านนาลันทา แคว้นมคธ ท่านเป็นผู้มีสติปัญญาเฉียบแหลมมาตั้งแต่เด็ก เมื่อเติบโตขึ้น ท่านได้ออกบวชเป็นปริพาชกในสำนักสัญชัย ซึ่งเป็นสำนักที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น ณ ที่นั้นเอง ท่านได้พบกับ โกลิตะ ซึ่งต่อมาคือพระโมคคัลลานะ ผู้เป็นสหายธรรมร่วมชาติภพ
วันหนึ่ง ท่านอัสสชิ หนึ่งในปัญจวัคคีย์ ได้เดินผ่านมา ท่านอุปติสสะเห็นกิริยามารยาทอันสงบสำรวม จึงเข้าไปสนทนาธรรม ท่านอัสสชิได้แสดงธรรมเทศนาเรื่องกฎแห่งกรรมและอริยสัจ 4 ซึ่งทำให้ท่านอุปติสสะเกิดความเลื่อมใสอย่างยิ่ง ท่านจึงได้ชวนโกลิตะไปฟังธรรมด้วย ทั้งสองเกิดความเลื่อมใสในรสพระธรรม จึงตัดสินใจออกบวชเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าในวันนั้น
สติปัญญาอันเฉียบแหลม
พระสารีบุตรเป็นผู้มีสติปัญญาเฉียบแหลม สามารถเข้าใจธรรมะได้อย่างลึกซึ้งรวดเร็ว เพียงแค่ 7 วันหลังจากบวช ท่านก็บรรลุพระอรหันต์ พระพุทธองค์ทรงยกย่องพระสารีบุตรในด้านสติปัญญา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในด้านความสามารถในการ “ยกแสดงธรรม” กล่าวคือ ท่านสามารถอธิบายขยายความธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้โดยย่อ ให้เข้าใจได้ง่ายและลึกซึ้งยิ่งขึ้น
มีเรื่องเล่าว่า ครั้งหนึ่ง พระพุทธองค์ทรงหยิบใบไม้จำนวนหนึ่งในพระหัตถ์ แล้วตรัสถามพระสารีบุตรว่า ใบไม้ในป่ากับใบไม้ในมือของพระองค์ อะไรมากกว่ากัน พระสารีบุตรทราบดีว่า พระพุทธองค์ทรงต้องการสื่อถึงธรรมะ จึงทูลตอบว่า “ใบไม้ในป่าเปรียบเสมือนธรรมะทั้งหมด ส่วนใบไม้ในพระหัตถ์เปรียบเสมือนธรรมะที่พระองค์ทรงแสดง แม้ธรรมะที่พระองค์ทรงแสดงจะมีเพียงส่วนน้อย แต่ก็เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดที่ทำให้บุคคลบรรลุธรรมได้”
ธรรมโอวาทอันทรงคุณค่า
ตลอดระยะเวลา 45 พรรษา พระสารีบุตรได้ช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ท่านได้แสดงธรรมโปรดสัตว์มากมาย หนึ่งในหลักธรรมสำคัญที่ท่านมักเน้นย้ำเสมอคือ “สติปัฏฐาน 4” ซึ่งเป็นหนทางแห่งการเจริญสติและวิปัสสนา นำไปสู่การดับทุกข์ได้อย่างสิ้นเชิง
นอกจากนี้ พระสารีบุตรยังเป็นผู้วางรากฐานการศึกษาพระธรรมวินัยให้เป็นระบบ โดยท่านได้รวบรวมพระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ และจัดเป็นหมวดหมู่เพื่อให้ง่ายต่อการศึกษาและจดจำ การกระทำของท่านในครั้งนั้น เปรียบเสมือนการสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนสืบไป
มรณภาพและข้อคิดสู่ปัจจุบัน
แม้จะเป็นผู้มีสติปัญญาเฉียบแหลมเพียงใด แต่พระสารีบุตรก็เป็นปุถุชนธรรมดาผู้หนีไม่พ้นกฎแห่งกรรม ท่านได้ละสังขารเมื่ออายุ 80 ปี ก่อนที่ท่านจะปรินิพพาน ท่านได้แสดงธรรมสั่งสอนภิกษุเป็นครั้งสุดท้าย โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต และการหมั่นเจริญสติปัฏฐานอยู่เสมอ
เรื่องราวชีวิตและคำสอนของพระสารีบุตร ยังคงเป็นแบบอย่างอันดีงาม และเป็นแรงบันดาลใจให้พุทธศาสนิกชนรุ่นหลัง ในการศึกษาและปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้นจากทุกข์ สติปัญญาอันเฉียบแหลม ความอ่อนน้อมถ่อมตน และความเมตตากรุณาของท่าน ยังคงเป็นที่ประจักษ์แก่พุทธศาสนิกชนตลอดกาล
#พระสารีบุตร #พระพุทธศาสนา #สติปัฏฐาน4 #ธรรมะ