17 มกราคม 2564

ซอมบี้กับศาสนาและความเชื่อ: ความตาย, การฟื้นคืนชีพ, และบทลงโทษจากพระเจ้า

ซอมบี้กับศาสนาและความเชื่อ: ความตาย, การฟื้นคืนชีพ, และบทลงโทษจากพระเจ้า

ซอมบี้กับศาสนาและความเชื่อ: ความตาย, การฟื้นคืนชีพ, และบทลงโทษจากพระเจ้า

ความคิดเรื่องความตายและสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น เป็นคำถามที่มนุษย์ครุ่นคิดมาตั้งแต่เริ่มมีอารยธรรม ความเชื่อเรื่องวิญญาณ ชีวิตหลังความตาย การเวียนว่ายตายเกิด ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่จะเข้าใจวงจรชีวิตและความตาย และจากความกลัวในสิ่งที่ไม่รู้จัก จินตนาการของมนุษย์จึงสร้างสัตว์ประหลาดที่เป็นตัวแทนของความตายอันน่าสะพรึงกลัวขึ้นมา หนึ่งในนั้นคือ “ซอมบี้”

ซอมบี้: จากตำนานพื้นบ้านสู่วัฒนธรรมร่วมสมัย

ภาพจำลองของ “ซอมบี้” ที่ปรากฏในวัฒนธรรมร่วมสมัยนั้น มีต้นกำเนิดมาจากความเชื่อของชาวเฮติ โดยเชื่อว่าเป็นศพที่ถูกปลุกขึ้นมาโดยใช้เวทมนตร์คาถา ซึ่งมักถูกควบคุมโดย “บอคอร์” (Bokor) หรือพ่อมด/หมอผี เพื่อใช้เป็นแรงงานหรือทาส ซึ่งภาพลักษณ์ของซอมบี้ในยุคแรกนี้ จะยังไม่ใช่ศพเน่าเปื่อยที่กระหายสมองเหมือนที่พบในภาพยนตร์ฮอลลีวูด แต่เป็นเพียงศพที่ถูกปลุกขึ้นมาให้ขยับเขยื้อนได้เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อแนวคิดเรื่องซอมบี้ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกผ่านทางสื่อบันเทิง ภาพลักษณ์ของมันก็ค่อยๆ ถูกเปลี่ยนแปลงไป จากศพที่ถูกควบคุม กลายเป็นศพที่ไร้สติ ไร้ความรู้สึก กระหายเลือดเนื้อมนุษย์ และแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็วผ่านการกัด ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ อาจสะท้อนให้เห็นถึงความกลัวของมนุษย์ในยุคสมัยใหม่ เช่น ความกลัวโรคระบาด ความกลัวการล่มสลายของสังคม และความหวาดระแวงในตัวผู้อื่น

ความตาย การฟื้นคืนชีพ และบทลงโทษจากพระเจ้า

ในศาสนาและความเชื่อหลายแขนงทั่วโลก ต่างมีเรื่องราวเกี่ยวกับความตาย การฟื้นคืนชีพ และสิ่งที่รอคอยหลังความตายที่แตกต่างกันไป ซึ่งแนวคิดเหล่านี้ มีความน่าสนใจเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับปรากฏการณ์ “ซอมบี้” ดังนี้

  1. คริสต์ศาสนา อิสลาม และศาสนายิว: ศาสนาเอกเทวนิยมเหล่านี้ เชื่อในพระเจ้าองค์เดียว ผู้สร้างโลกและสรรพสิ่ง รวมไปถึงชีวิตและความตายของมนุษย์ โดยมีความเชื่อเรื่องการฟื้นคืนชีพหลังความตาย เพื่อรับการพิพากษาจากพระเจ้า ผู้ทำความดีจะได้ขึ้นสวรรค์ ส่วนผู้ทำบาปจะต้องตกนรก

  2. ศาสนาฮินดูและพุทธศาสนา: ศาสนาเหล่านี้ เชื่อในกฎแห่งกรรมและการเวียนว่ายตายเกิด โดยหลังจากความตาย วิญญาณจะออกจากร่าง และไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่เหมาะสมกับกรรมที่ตนได้กระทำไว้ ซึ่งการเวียนว่ายตายเกิดจะดำเนินต่อไป จนกว่าจะหลุดพ้นจากวัฏสงสาร

  3. ความเชื่อเรื่องวิญญาณในวัฒนธรรมต่างๆ: ในหลายวัฒนธรรมทั่วโลกมีความเชื่อว่า วิญญาณของผู้ตายสามารถกลับมาสู่โลกมนุษย์ได้ ในรูปแบบของผี หรือวิญญาณเร่ร่อน ซึ่งอาจเป็นวิญญาณที่ดี คอยปกปักรักษา หรือวิญญาณพยาบาท ที่ต้องการแก้แค้น

เมื่อพิจารณาจากความเชื่อทางศาสนาและตำนานต่างๆ อาจตีความได้ว่า “ซอมบี้” เป็นสัญลักษณ์ของการละเมิดกฎแห่งธรรมชาติ เป็นการฝืนกระแสแห่งชีวิตและความตาย การที่ศพกลับมามีชีวิตอีกครั้งโดยปราศจากวิญญาณ จึงเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ น่ากลัว และอาจถูกมองว่าเป็นการลบหลู่ดูหมิ่นผู้สร้าง หรือเป็น “บทลงโทษ” สำหรับผู้ที่ใช้เวทมนตร์คาถาในทางที่ผิด

ซอมบี้ในฐานะกระจกสะท้อนสังคม

นอกจากมุมมองทางศาสนาและความเชื่อแล้ว “ซอมบี้” ยังสามารถตีความได้หลากหลายแง่มุม ในเชิงสังคมวิทยา “ซอมบี้” อาจสะท้อนถึงพฤติกรรมของมนุษย์ในสังคมทุนนิยมบริโภคนิยม ที่มุ่งแต่จะบริโภค ไร้สติ ไร้จุดหมาย คล้ายกับซอมบี้ที่กระหายแต่เนื้อสดๆ หรืออาจสะท้อนถึงความกลัวของมนุษย์ต่อภัยพิบัติ โรคระบาด หรือหายนะต่างๆ ที่อาจทำลายล้างอารยธรรมมนุษย์ได้ในพริบตา

ไม่ว่าจะมอง “ซอมบี้” ในแง่มุมใด สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ มันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมร่วมสมัย ที่สะท้อนให้เห็นถึงความหวาดกลัว จินตนาการ และความพยายามทำความเข้าใจ ต่อความตายและสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ของมนุษย์

#ซอมบี้ #ศาสนา #ความเชื่อ #ความตาย

บทความน่าสนใจ

บทความยอดนิยมตลอดกาล

บทความที่อยู่ในกระแส