การอักเสบของต่อมเหงื่อในรักแร้ หรือที่เรียกกันว่า Hidradenitis suppurativa (HS) เป็นภาวะเรื้อรังที่ส่งผลต่อต่อมเหงื่อ โดยเฉพาะบริเวณที่มีรูขุมขนจำนวนมากและมีความอับชื้น เช่น รักแร้ ขาหนีบ และใต้ราวนม ภาวะนี้จะทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน เกิดเป็นตุ่มหนอง ก้อนเนื้อ และรูเปิดที่ผิวหนัง ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการเจ็บปวด บวมแดง และมีกลิ่นเหม็นได้ ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกถึงสาเหตุ อาการ การวินิจฉัย และวิธีการรักษาภาวะการอักเสบของต่อมเหงื่อในรักแร้
สาเหตุของการอักเสบของต่อมเหงื่อในรักแร้
แม้ว่าสาเหตุที่แน่ชัดของ HS จะยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่นักวิจัยเชื่อว่าปัจจัยหลายอย่างมีส่วนทำให้เกิดภาวะนี้ขึ้นได้ ได้แก่:
- พันธุกรรม: ประมาณหนึ่งในสามของผู้ป่วย HS มีประวัติครอบครัวเป็นโรคนี้ แสดงให้เห็นว่าพันธุกรรมมีบทบาทสำคัญ
- ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน: ระบบภูมิคุ้มกันที่ทำงานผิดปกติอาจทำให้ร่างกายโจมตีเซลล์ของตัวเองรวมถึงต่อมเหงื่อ
- การอักเสบเรื้อรัง: การอักเสบเรื้อรังในร่างกายอาจส่งผลต่อต่อมเหงื่อทำให้เกิดการอุดตันและติดเชื้อได้
- ฮอร์โมน: HS มักพบในช่วงวัยแรกรุ่นและในผู้หญิงที่อยู่ในช่วงมีประจำเดือนหรือตั้งครรภ์ ซึ่งบ่งชี้ว่าฮอร์โมนอาจมีบทบาท
- การสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของ HS โดยการศึกษาพบว่าผู้ที่สูบบุหรี่มีแนวโน้มที่จะเป็น HS มากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 5 เท่า
- โรคอ้วน: ผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนมีแนวโน้มที่จะเป็น HS มากกว่าผู้ที่มีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติ
อาการของการอักเสบของต่อมเหงื่อในรักแร้
อาการของ HS อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางรายอาจมีอาการเล็กน้อย ในขณะที่บางรายอาจมีอาการรุนแรงและเป็นๆ หายๆ อาการที่พบบ่อย ได้แก่:
- ตุ่มหนองขนาดเล็กที่เจ็บปวดบริเวณรักแร้ ขาหนีบ ใต้ราวนม หรือรอบทวารหนัก
- ก้อนเนื้อแข็งใต้ผิวหนัง
- รูเปิดที่ผิวหนังที่ระบายของเหลวหรือหนอง
- ผิวหนังรอบๆ บริเวณที่ได้รับผลกระทบมีอาการแดง บวม และเจ็บปวด
- มีกลิ่นเหม็นจากของเหลวหรือหนองที่ระบายออกมา
การวินิจฉัยการอักเสบของต่อมเหงื่อในรักแร้
แพทย์สามารถวินิจฉัย HS ได้จากการตรวจร่างกายและซักประวัติทางการแพทย์ อาจมีการเก็บตัวอย่างของเหลวหรือหนองเพื่อตรวจหาการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย
การรักษาการอักเสบของต่อมเหงื่อในรักแร้
การรักษา HS มีจุดมุ่งหมายเพื่อบรรเทาอาการ ป้องกันการติดเชื้อ และป้องกันการเกิดแผลเป็น วิธีการรักษาอาจรวมถึง:
- การดูแลตนเอง: การรักษาความสะอาดของร่างกาย สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี และหลีกเลี่ยงการโกนขนบริเวณที่ได้รับผลกระทบ
- ยา: ยาปฏิชีวนะ ยาต้านการอักเสบ ยาแก้ปวด และยากดภูมิคุ้มกัน
- การฉีดยา: การฉีด corticosteroids เข้าไปในบริเวณที่ได้รับผลกระทบเพื่อลดการอักเสบ
- การผ่าตัด: ในกรณีที่รุนแรง อาจจำเป็นต้องผ่าตัดเพื่อระบายหนอง กำจัดต่อมเหงื่อที่ติดเชื้อ หรือแก้ไขรอยแผลเป็น
การป้องกันการอักเสบของต่อมเหงื่อในรักแร้
แม้ว่าจะไม่สามารถป้องกัน HS ได้อย่างสมบูรณ์ แต่การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตบางอย่างสามารถช่วยลดความเสี่ยงหรือความรุนแรงของอาการได้ ได้แก่:
- รักษาสุขอนามัยที่ดี: อาบน้ำอย่างน้อยวันละครั้งโดยใช้สบู่อ่อนๆ และเช็ดตัวให้แห้งสนิท
- สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี: หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่รัดแน่นและทำจากผ้าใยสังเคราะห์
- ควบคุมน้ำหนัก: หากคุณมีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน การลดน้ำหนักสามารถช่วยลดความเสี่ยงของ HS ได้
- เลิกสูบบุหรี่: การเลิกสูบบุหรี่สามารถช่วยลดความเสี่ยงของ HS และปรับปรุงอาการในผู้ที่เป็นโรคอยู่แล้ว
- หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น: สิ่งกระตุ้นที่พบบ่อย ได้แก่ ความเครียด เหงื่อออก และความร้อน
HS เป็นภาวะเรื้อรังที่สามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้อย่างมาก หากคุณมีอาการของ HS ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม การรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ สามารถช่วยชะลอการลุกลามของโรคและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนได้
ปัจจัยเสี่ยง | คำอธิบาย |
---|---|
พันธุกรรม | มีประวัติครอบครัวเป็น HS |
ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน | ร่างกายโจมตีเซลล์ของตัวเอง |
การอักเสบเรื้อรัง | ส่งผลต่อต่อมเหงื่อ |
ฮอร์โมน | พบในช่วงวัยแรกรุ่นและในผู้หญิง |
การสูบบุหรี่ | ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ |
โรคอ้วน | มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน |
#HidradenitisSuppurativa #ต่อมเหงื่ออักเสบ #รักแร้อักเสบ #สุขภาพผิว