นวนิยายอิงประวัติศาสตร์เรื่องยิ่งใหญ่ของจีนอย่าง “สามก๊ก” ไม่เพียงแต่จะเต็มไปด้วยกลยุทธ์ทางการทหารอันเฉียบแหลม และวีรกรรมของบุรุษผู้กล้ามากมาย หากแต่ยังแฝงไปด้วยเรื่องราวของสตรีเพศ แม้บทบาทของพวกนางอาจไม่ได้โลดแล่นอยู่บนสมรภูมิรบ ทว่าอิทธิพลและความสำคัญของสตรีในยุคสมัยแห่งความวุ่นวายเช่นนั้น กลับส่งผลต่อประวัติศาสตร์และบุคคลสำคัญต่าง ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ บทความนี้จะพาไปสำรวจบทบาทของสตรีในสังคมจีนผ่านเรื่องราวอันน่าตื่นตาตื่นใจของวรรณกรรมสามก๊ก
ภาพสะท้อนสตรีในสังคมชายเป็นใหญ่
ย้อนกลับไปในยุคสมัยสามก๊ก อันเป็นช่วงเวลาประมาณ ค.ศ. 220-280 สังคมจีนถูกปกครองด้วยหลักคิดแบบขงจื๊อ ซึ่งให้ความสำคัญกับระบบชายเป็นใหญ่ สตรีจึงมักถูกมองว่าเป็นเพศที่อ่อนแอกว่า มีหน้าที่หลักในการดูแลบ้านช่อง ครอบครัว และให้กำเนิดบุตรชาย เพื่อสืบทอดตระกูล สตรีในชนชั้นสูงมักถูกเลี้ยงดูให้อยู่แต่ในเรือน มีโอกาสศึกษาน้อยกว่าบุรุษ และถูกจำกัดสิทธิ์ในการออกสู่สังคมภายนอก
อย่างไรก็ตาม แม้จะเผชิญกับข้อจำกัดมากมาย วรรณกรรมสามก๊กยังได้สะท้อนให้เห็นถึงสติปัญญา ไหวพริบ และความกล้าหาญของสตรีในหลายแง่มุม บางคนอาจมีบทบาทโดดเด่นในฐานะภรรยา หรือมารดา แต่ก็มีสตรีจำนวนไม่น้อยที่ฉีกกรอบธรรมเนียมประเพณี ก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญทางการเมือง การทหาร และแวดวงวรรณกรรม จนเป็นที่จดจำในประวัติศาสตร์
สตรีผู้ทรงอิทธิพลในสามก๊ก
ตัวละครหญิงในวรรณกรรมสามก๊ก ล้วนได้รับการถ่ายทอดให้มีบุคลิกที่ชัดเจน เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ และความสามารถอันหลากหลาย บางคนอาจเป็นที่รู้จักในฐานะสัญลักษณ์ของความงาม สติปัญญา หรือความจงรักภักดี ตัวอย่างสตรีผู้ทรงอิทธิพลในสามก๊ก อาทิเช่น
- เตียวเสี้ยน นางเป็นหญิงงามผู้มีบทบาทสำคัญในแผนลวง “กวนอูตัดหัวอ้องอุ้น” สะท้อนให้เห็นถึงการใช้มารยาหญิง เพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเมือง แม้จะถูกมองว่าเป็นแผนการอันโหดเหี้ยม ทว่าก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เตียวเสี้ยนคือตัวละครหญิงที่ทรงเสน่ห์ และเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมจนยากคาดเดา
- นางซุนฮูหยิน ภรรยาของง่อปั้น ผู้ที่มีสติปัญญาเฉียบแหลม กล้าคิด กล้าตัดสินใจ และคอยให้คำปรึกษาแก่ง่อปั้นในหลาย ๆ เรื่อง แม้กระทั่งเรื่องการเมืองและการสงคราม นางซุนฮูหยินยังเป็นตัวแทนของสตรีผู้มีความสามารถในการบริหารจัดการ ดังจะเห็นได้จากการที่นางสามารถควบคุมดูแลกิจการภายในจวนของง่อปั้นได้อย่างเรียบร้อย
- ไทเฮาฮือ พระมารดาของพระเจ้าเหี้ยนเต้ ผู้ทรงเป็นสตรีที่มีบทบาทสำคัญทางการเมืองในยุคปลายราชวงศ์ฮั่น แม้จะไม่ปรากฏตัวในวรรณกรรมสามก๊กมากนัก แต่การตัดสินใจต่าง ๆ ของพระนาง ล้วนส่งผลต่อความเป็นไปของราชสำนัก รวมถึงการก้าวขึ้นสู่อำนาจของโจโฉอีกด้วย
นอกจากตัวละครที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว วรรณกรรมสามก๊กยังมีตัวละครหญิงอีกมากมาย ที่สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทอันหลากหลายของสตรีในสังคมจีนยุคโบราณ ไม่ว่าจะเป็นสตรีในฐานะมารดา ผู้คอยอบรมสั่งสอนบุตรชายให้เป็นคนดี เช่น นางเปียนฮูหยิน มารดาของขงเบ้ง หรือแม้แต่ในฐานะพี่น้อง เช่น นางกำฮูหยิน พี่สาวของเล่าปี่ ที่คอยอยู่เคียงข้างและให้กำลังใจแก่บุคคลอันเป็นที่รัก แม้ในยามทุกข์ยาก
อิทธิพลของสตรีที่มีต่อประวัติศาสตร์
แม้สตรีในยุคสามก๊กจะไม่ได้มีอำนาจโดยตรงในการปกครองประเทศ แต่ด้วยสติปัญญา ความเฉลียวฉลาด และไหวพริบในการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ทำให้พวกนางสามารถสร้างอิทธิพลต่อบุคคลรอบข้าง และส่งผลต่อเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ในประวัติศาสตร์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ยกตัวอย่างเช่น
เหตุการณ์ | สตรีผู้มีบทบาท | ผลลัพธ์ |
---|---|---|
แผนลวง กวนอูตัดหัวอ้องอุ้น | เตียวเสี้ยน | นำไปสู่การยุติความขัดแย้งระหว่างลิโป้และอ้องอุ้น และเป็นจุดเริ่มต้นของการรวมอำนาจของโจโฉ |
การเจรจาขอคืนเมืองเกงจิ๋ว | นางซุนฮูหยิน | ช่วยยืดเวลาให้ง่อปั้นสามารถถอนทัพกลับเมืองกังตั๋งได้อย่างปลอดภัย แม้สุดท้ายแล้วง่อปั้นจะต้องเสียเมืองเกงจิ๋วไปก็ตาม |
เรื่องราวของสตรีในวรรณกรรมสามก๊ก สะท้อนให้เห็นว่า แม้ในสังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่ ผู้หญิงก็สามารถมีบทบาทและสร้างอิทธิพลต่อประวัติศาสตร์ได้ พวกนางอาจไม่ได้เป็นวีรบุรุษที่ออกรบในสนามรบ แต่สติปัญญา ไหวพริบ และความกล้าหาญ ล้วนเป็นพลังแฝงที่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ต่าง ๆ และกำหนดชะตากรรมของหลายชีวิตได้อย่างคาดไม่ถึง
Fun Fact
- ทราบหรือไม่ว่า จริง ๆ แล้ว เตียวเสี้ยน ไม่ได้ปรากฏชื่อในบันทึกประวัติศาสตร์จริง ๆ ตัวละครนี้ถูกแต่งเติมขึ้นในวรรณกรรมสามก๊ก เพื่อเพิ่มสีสันและความเข้มข้นให้กับเนื้อเรื่อง
- แม้ในวรรณกรรมสามก๊กจะไม่ได้กล่าวถึงชื่อของนางซุนฮูหยิน แต่จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เชื่อกันว่า นางมีชื่อจริงว่า “ซุนซượngเซียง”
#สามก๊ก #สตรีจีน #ประวัติศาสตร์ #วรรณกรรม