09 ธันวาคม 2563

Catch Me If You Can: การไล่ล่าหา Gene พันธุกรรมหายาก

Catch Me If You Can: การไล่ล่าหา Gene พันธุกรรมหายาก

Catch Me If You Can: การไล่ล่าหา Gene พันธุกรรมหายาก

โลกของพันธุกรรมนั้นเปรียบเสมือนมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาล เต็มไปด้วยความลับที่รอคอยการค้นพบ หนึ่งในความลับที่นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกกำลังไขปริศนาก็คือ "โรคหายาก" อันเกิดจากความผิดปกติในระดับยีน ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้คนนับล้านทั่วโลก แม้โรคเหล่านี้จะพบได้น้อย แต่ความท้าทายในการวินิจฉัยและรักษานั้นมีมากมาย บทความนี้จะพาคุณดำดิ่งสู่โลกของการไล่ล่าหา gene พันธุกรรมหายาก ผ่านเทคนิคขั้นสูงอย่าง "Sequencing Screens" เพื่อทำความเข้าใจกับความซับซ้อนของโรคหายากและเปิดประตูสู่หนทางการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

โรคหายาก: ความท้าทายที่ไม่ธรรมดา

โรคหายาก หมายถึง โรคที่พบได้น้อยในประชากรทั่วไป โดยทั่วไปแล้วโรคหายากจะมีผลกระทบต่อผู้ป่วยน้อยกว่า 1 ใน 2,000 คน แม้จะฟังดูเหมือนเป็นจำนวนน้อย แต่เมื่อรวมโรคหายากทั้งหมดแล้ว มีผู้ป่วยโรคหายากทั่วโลกกว่า 300 ล้านคน ตัวอย่างโรคหายาก ได้แก่

  • โรค Pompe (Pompe Disease) เป็นความผิดปกติของการสะสม glycogen ที่ส่งผลต่อกล้ามเนื้อ
  • โรค Progeria เป็นภาวะที่ทำให้ร่างกายแก่ก่อนวัย
  • โรค Fibrodysplasia Ossificans Progressiva (FOP) เป็นภาวะที่เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เช่น กล้ามเนื้อ เอ็น กล้ามเนื้อ เปลี่ยนเป็นกระดูก

ความท้าทายที่สำคัญของโรคหายากคือ การวินิจฉัยที่ยากลำบาก เนื่องจากอาการของโรคหายากมักคล้ายคลึงกับโรคอื่นๆ ที่พบได้บ่อยกว่า นอกจากนี้ 80% ของโรคหายากเกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม ทำให้การวินิจฉัยและรักษายิ่งซับซ้อนมากขึ้น

Sequencing Screens: อาวุธลับในการไล่ล่า gene

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เทคโนโลยีทางพันธุกรรมได้ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว หนึ่งในเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการวินิจฉัยโรคหายากคือ "Sequencing Screens" ซึ่งเป็นเทคนิคที่ใช้อ่านลำดับ DNA โดยเทคนิคนี้ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถ:

  • ระบุ gene ที่ก่อให้เกิดโรคหายากได้อย่างแม่นยำ
  • ตรวจหาความผิดปกติในระดับ gene ที่อาจนำไปสู่โรคหายาก
  • พัฒนาแนวทางการรักษาที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เทคนิค Sequencing Screens แบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น:

  1. Whole Genome Sequencing (WGS): อ่านลำดับ DNA ทั้งหมดของบุคคล
  2. Whole Exome Sequencing (WES): อ่านลำดับ DNA เฉพาะส่วนที่เป็น Exome ซึ่งเป็นส่วนที่สร้างโปรตีน
  3. Targeted Sequencing: อ่านลำดับ DNA เฉพาะ gene ที่เกี่ยวข้องกับโรคที่สงสัย
ประเภทของ Sequencing Screens ข้อดี ข้อจำกัด
Whole Genome Sequencing (WGS) ครอบคลุม DNA ทั้งหมด, ระบุความหลากหลายทางพันธุกรรมได้มากที่สุด มีค่าใช้จ่ายสูง, ต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์ข้อมูลนาน
Whole Exome Sequencing (WES) ครอบคลุมส่วนที่สร้างโปรตีน, ค่าใช้จ่ายน้อยกว่า WGS ไม่ครอบคลุม DNA ทั้งหมด, อาจพลาดความผิดปกติบางอย่าง
Targeted Sequencing ค่าใช้จ่ายต่ำสุด, เหมาะสำหรับตรวจ gene ที่เฉพาะเจาะจง ไม่ครอบคลุม gene อื่นๆ, อาจพลาด gene ที่ก่อโรคที่ไม่ทราบมาก่อน

อนาคตของการวินิจฉัยและรักษาโรคหายาก

Sequencing Screens เป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพสูงในการวินิจฉัยโรคหายาก และนำไปสู่การรักษาที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น การศึกษาจำนวนมากแสดงให้เห็นว่า Sequencing Screens สามารถช่วยวินิจฉัยโรคหายากได้ถึง 25-35% โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มโรคทางพันธุกรรมที่ซับซ้อน นอกจากนี้ Sequencing Screens ยังช่วยให้แพทย์สามารถ:

  • ประเมินความเสี่ยงของบุคคลในการเกิดโรคหายาก
  • ให้คำปรึกษาทางพันธุกรรมแก่ครอบครัวที่มีประวัติโรคหายาก
  • พัฒนายาและวิธีการรักษาใหม่ๆ ที่ตรงเป้าหมายมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความท้าทายบางประการในการนำ Sequencing Screens มาใช้ในวงกว้าง เช่น ค่าใช้จ่ายที่สูง ความซับซ้อนในการวิเคราะห์ข้อมูล และประเด็นด้านจริยธรรม อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในอนาคต เทคโนโลยี Sequencing Screens จะมีบทบาทสำคัญในการแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine) ช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยและรักษาโรคหายากได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้ป่วยและครอบครัว

Fun Fact

- คุณทราบหรือไม่ว่า มี gene ในร่างกายมนุษย์ประมาณ 20,000-25,000 gene แต่มีเพียง 1-2% เท่านั้นที่ทำหน้าที่สร้างโปรตีน

ข้อมูลอ้างอิง

#พันธุกรรม #โรคหายาก

บทความน่าสนใจ

บทความยอดนิยมตลอดกาล

บทความที่อยู่ในกระแส