17 พฤศจิกายน 2563

อะไรคือความสัมพันธ์ระหว่างไฟฟ้าและแม่เหล็ก (กฎของฟาราเดย์และแมกซ์เวล)?

อะไรคือความสัมพันธ์ระหว่างไฟฟ้าและแม่เหล็ก (กฎของฟาราเดย์และแมกซ์เวล)?

ตั้งแต่ยุคโบราณ มนุษย์ได้สังเกตเห็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอันน่าพิศวงสองอย่าง คือ ไฟฟ้า และ แม่เหล็ก แม้ในช่วงแรกๆ จะดูเหมือนว่าปรากฏการณ์ทั้งสองนี้จะไม่เกี่ยวข้องกัน แต่การค้นพบอันน่าทึ่งในศตวรรษที่ 19 ได้เผยให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งระหว่างแรงทั้งสองนี้ ซึ่งเป็นรากฐานของฟิสิกส์สมัยใหม่และปฏิวัติเทคโนโลยีที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน บทความนี้จะพาไปสำรวจความสัมพันธ์อันน่าทึ่งระหว่างไฟฟ้าและแม่เหล็ก ผ่านกฎของฟาราเดย์และสมการของแมกซ์เวลล์

การค้นพบของไมเคิล ฟาราเดย์: ก้าวแรกสู่แม่เหล็กไฟฟ้า

ในปี ค.ศ. 1831 นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ไมเคิล ฟาราเดย์ ได้ทำการทดลองที่ปฏิวัติวงการ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสนามแม่เหล็กที่เปลี่ยนแปลงสามารถสร้างกระแสไฟฟ้าได้ ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า "การเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้า" และเป็นรากฐานของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่เราใช้กันในปัจจุบัน

ฟาราเดย์สรุปการค้นพบของเขาในรูปแบบของกฎที่รู้จักกันในชื่อ "กฎของฟาราเดย์" ซึ่งระบุว่า แรงเคลื่อนไฟฟ้าเหนี่ยวนำในวงจรปิดนั้นแปรผันตรงกับอัตราการเปลี่ยนแปลงของฟลักซ์แม่เหล็กที่ผ่านวงจร กล่าวอีกนัยหนึ่ง ยิ่งสนามแม่เหล็กเปลี่ยนแปลงเร็วเท่าใด กระแสไฟฟ้าที่เหนี่ยวนำก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น การค้นพบของฟาราเดย์มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะเป็นครั้งแรกที่แสดงให้เห็นว่าสนามแม่เหล็กสามารถสร้างกระแสไฟฟ้าได้ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีที่สำคัญ เช่น เครื่องกำเนิดไฟฟ้า มอเตอร์ไฟฟ้า และหม้อแปลงไฟฟ้า

สมการของแมกซ์เวลล์: การรวมกันของไฟฟ้าและแม่เหล็ก

ในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 นักฟิสิกส์ชาวสกอตแลนด์ เจมส์ เคลิร์ก แมกซ์เวลล์ ได้นำงานของฟาราเดย์ไปต่อยอดและพัฒนาเป็นทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้าที่สมบูรณ์ แมกซ์เวลล์ได้แสดงให้เห็นว่าไฟฟ้าและแม่เหล็กไม่ใช่แรงแยกกัน แต่เป็นปรากฏการณ์สองด้านของแรงเดียวกัน นั่นคือ แรงแม่เหล็กไฟฟ้า

แมกซ์เวลล์ได้สรุปความสัมพันธ์ระหว่างไฟฟ้าและแม่เหล็กในชุดของสมการที่เรียกว่า "สมการของแมกซ์เวลล์" สมการเหล่านี้เป็นรากฐานของทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้าแบบคลาสสิก และอธิบายพฤติกรรมของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งรวมถึงแสงที่เรามองเห็น คลื่นวิทยุ รังสีเอกซ์ และรังสีแกมมา

หนึ่งในสมการของแมกซ์เวลล์ที่สำคัญที่สุดคือ กฎของแอมแปร์-แมกซ์เวลล์ ซึ่งระบุว่า สนามแม่เหล็กสามารถเกิดขึ้นได้จากกระแสไฟฟ้าและจากสนามไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงตามเวลา สมการนี้แสดงให้เห็นถึงความสมมาตรระหว่างไฟฟ้าและแม่เหล็ก กล่าวคือ สนามแม่เหล็กสามารถสร้างสนามไฟฟ้าได้ (ตามกฎของฟาราเดย์) และสนามไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงตามเวลาก็สามารถสร้างสนามแม่เหล็กได้เช่นกัน

คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า: ผลลัพธ์อันน่าทึ่งของความสัมพันธ์ระหว่างไฟฟ้าและแม่เหล็ก

ผลลัพธ์ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของสมการของแมกซ์เวลล์คือการทำนายการมีอยู่ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า คลื่นเหล่านี้เกิดจากการสั่นของสนามไฟฟ้าและสนามแม่เหล็กที่ตั้งฉากกันและเคลื่อนที่ด้วยความเร็วแสงในสุญญากาศ สมการของแมกซ์เวลล์ยังแสดงให้เห็นว่าความเร็วของแสงในสุญญากาศเป็นค่าคงที่สากล ซึ่งเป็นการค้นพบที่ปฏิวัติวงการและเป็นรากฐานของทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษของไอน์สไตน์

การค้นพบคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าโดยไฮน์ริช เฮิร์ตซ์ ในปี ค.ศ. 1887 เป็นการยืนยันทฤษฎีของแมกซ์เวลล์และปูทางไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สาย เช่น วิทยุ โทรทัศน์ และอินเทอร์เน็ต

บทสรุป

ความสัมพันธ์ระหว่างไฟฟ้าและแม่เหล็กเป็นหนึ่งในการค้นพบที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของฟิสิกส์ กฎของฟาราเดย์และสมการของแมกซ์เวลล์ได้ปฏิวัติความเข้าใจของเราเกี่ยวกับแรงพื้นฐานของธรรมชาติ และนำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีที่สำคัญมากมายที่เราพึ่งพาในปัจจุบัน ตั้งแต่เครื่องกำเนิดไฟฟ้าไปจนถึงสมาร์ทโฟน ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งระหว่างไฟฟ้าและแม่เหล็กยังคงสร้างแรงบันดาลใจให้กับการวิจัยและนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง

#ไฟฟ้า #แม่เหล็ก #ฟิสิกส์ #เทคโนโลยี

บทความน่าสนใจ

บทความยอดนิยมตลอดกาล

บทความที่อยู่ในกระแส