29 ธันวาคม 2567

บันทึกการบรรยายเรื่องโครงข่ายประสาทเทียมเชิงเส้น: การเดินทางของการหาค่าที่เหมาะสมและการทำให้เป็นแบบทั่วไปใน Deep Learning

บันทึกการบรรยายเรื่องโครงข่ายประสาทเทียมเชิงเส้น: การเดินทางของการหาค่าที่เหมาะสมและการทำให้เป็นแบบทั่วไปใน Deep Learning

บันทึกการบรรยายเรื่องโครงข่ายประสาทเทียมเชิงเส้น: การเดินทางของการหาค่าที่เหมาะสมและการทำให้เป็นแบบทั่วไปใน Deep Learning

โครงข่ายประสาทเทียม (Neural Networks) เปรียบเสมือนกล่องดำของวงการปัญญาประดิษฐ์ ที่สามารถเรียนรู้รูปแบบและความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนจากข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างน่าอัศจรรย์ แต่เบื้องหลังความซับซ้อนของแบบจำลอง Deep Learning เหล่านี้ คือพื้นฐานที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง นั่นคือ "โครงข่ายประสาทเทียมเชิงเส้น" (Linear Neural Networks)

1. ก้าวแรกสู่โลกของ Linear Neural Networks

ลองนึกถึงปัญหาการจำแนกประเภทอย่างง่าย เช่น การแยกแยะภาพถ่ายของแมวและสุนัข โครงข่ายประสาทเทียมเชิงเส้นแบบง่ายจะประกอบด้วย:

  1. ชั้นอินพุต (Input Layer): รับข้อมูลภาพเข้ามาในรูปแบบของพิกเซล
  2. ชั้นของน้ำหนัก (Weight Layer): ทำหน้าที่เป็นตัวกรอง สกัดคุณลักษณะที่สำคัญจากภาพ เช่น ขอบ รูปร่าง หรือสี
  3. ชั้นเอาต์พุต (Output Layer): แสดงผลลัพธ์การทำนาย เช่น ความน่าจะเป็นที่ภาพจะเป็นแมวหรือสุนัข

หัวใจสำคัญของ Linear Neural Networks คือ การเรียนรู้น้ำหนักที่เหมาะสมที่สุด เพื่อแปลงข้อมูลจากชั้นอินพุตให้เป็นผลลัพธ์ที่ถูกต้องในชั้นเอาต์พุต กระบวนการนี้เรียกว่า "การเรียนรู้ของเครื่อง" (Machine Learning) โดยอาศัยข้อมูลฝึกฝน (Training Data) และฟังก์ชันค่าใช้จ่าย (Cost Function)

2. การเดินทางของการหาค่าที่เหมาะสม: Backpropagation และ Gradient Descent

เป้าหมายของ Linear Neural Networks คือ การปรับแต่งน้ำหนักให้ผลลัพธ์การทำนายใกล้เคียงกับค่าจริงมากที่สุด หนึ่งในขั้นตอนวิธีที่ได้รับความนิยมคือ "Backpropagation" ซึ่งคำนวณหาค่าความผิดพลาดระหว่างผลลัพธ์การทำนายและค่าจริง จากนั้นจึงปรับน้ำหนักย้อนกลับจากชั้นเอาต์พุตไปยังชั้นอินพุต เพื่อลดค่าความผิดพลาดลง

ในกระบวนการ Backpropagation "Gradient Descent" คือกุญแจสำคัญในการหาค่าที่เหมาะสม โดย Gradient Descent จะค่อยๆ ปรับน้ำหนักไปในทิศทางที่ลดค่าความผิดพลาดลงเรื่อยๆ เปรียบเสมือนการไต่เขาลงจากยอดเขาที่สูงชัน โดยอาศัยความชันของพื้นที่มาเป็นตัวกำหนดทิศทาง

3. ความท้าทายของการทำให้เป็นแบบทั่วไป: Overfitting vs. Underfitting

เป้าหมายที่แท้จริงของ Deep Learning ไม่ใช่แค่การจดจำรูปแบบจากข้อมูลฝึกฝน แต่คือความสามารถในการ "ทำให้เป็นแบบทั่วไป" (Generalization) นั่นคือ ความสามารถในการทำนายผลลัพธ์ที่ถูกต้อง แม้จะไม่เคยเห็นข้อมูลนั้นมาก่อน

อย่างไรก็ตาม Linear Neural Networks ต้องเผชิญกับความท้าทายสองประการ คือ:

  1. Overfitting: เกิดขึ้นเมื่อแบบจำลองเรียนรู้รูปแบบจากข้อมูลฝึกฝนได้ดีเกินไป จนไม่สามารถทำนายผลลัพธ์ที่ถูกต้องกับข้อมูลใหม่ๆ ได้ เปรียบเสมือนการท่องจำแบบฝึกหัดโดยไม่เข้าใจเนื้อหา
  2. Underfitting: เกิดขึ้นในทางตรงกันข้าม คือ แบบจำลองไม่สามารถเรียนรู้รูปแบบจากข้อมูลฝึกฝนได้ดีพอ จึงทำนายผลลัพธ์ได้ไม่แม่นยำ เปรียบเสมือนการอ่านหนังสือแบบผ่านๆ โดยไม่จดจำเนื้อหา

เทคนิคต่างๆ เช่น Regularization, Dropout, และ Early Stopping ถูกนำมาใช้เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา Overfitting และ Underfitting ช่วยให้แบบจำลองสามารถหาจุดสมดุลระหว่างการเรียนรู้จากข้อมูลฝึกฝนและการทำให้เป็นแบบทั่วไปได้

4. Linear Neural Networks: รากฐานสู่โลกของ Deep Learning

ถึงแม้ Linear Neural Networks จะมีข้อจำกัดในการเรียนรู้รูปแบบที่ซับซ้อน แต่กลับเป็นรากฐานที่สำคัญของสถาปัตยกรรม Deep Learning ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น เช่น Convolutional Neural Networks (CNNs) และ Recurrent Neural Networks (RNNs)

ความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับ Linear Neural Networks การหาค่าที่เหมาะสม และการทำให้เป็นแบบทั่วไป จึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญสู่โลกของ Deep Learning ที่น่าตื่นตาตื่นใจ

**Fun Fact:** โครงข่ายประสาทเทียม ได้รับแรงบันดาลใจจากโครงสร้างและการทำงานของสมองมนุษย์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยังห่างไกลจากความซับซ้อนของสมองมนุษย์มาก

#DeepLearning #NeuralNetworks #MachineLearning #AI

บทความน่าสนใจ

บทความยอดนิยมตลอดกาล

บทความที่อยู่ในกระแส