โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิดไขสันหลัง (Spinal Muscular Atrophy: SMA) เป็นโรคทางพันธุกรรมที่ส่งผลกระทบต่อการควบคุมกล้ามเนื้อ โรคนี้เกิดจากความบกพร่องของยีน SMN1 ซึ่งทำหน้าที่ผลิตโปรตีนที่จำเป็นต่อการทำงานของเซลล์ประสาทสั่งการ (motor neurons) เซลล์ประสาทสั่งการเหล่านี้มีหน้าที่สำคัญในการส่งสัญญาณจากสมองไปยังกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายสามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติ เมื่อยีน SMN1 เกิดความบกพร่อง เซลล์ประสาทสั่งการจึงค่อยๆ อ่อนแอลงและตายไป ส่งผลให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงลงเรื่อยๆ
ประเภทของโรค SMA
โรค SMA แบ่งออกเป็นหลายประเภทตามอายุที่เริ่มมีอาการและความรุนแรงของโรค ดังนี้
ประเภท | อายุที่เริ่มมีอาการ | อาการ |
---|---|---|
SMA ชนิดที่ 1 (Werdnig-Hoffmann disease) | น้อยกว่า 6 เดือน | กล้ามเนื้ออ่อนแรงอย่างรุนแรง ไม่สามารถควบคุมศีรษะ ลำตัว แขน ขาได้ มักมีปัญหาระบบหายใจร่วมด้วย |
SMA ชนิดที่ 2 (Dubowitz disease) | 6-18 เดือน | กล้ามเนื้ออ่อนแรง สามารถนั่งได้แต่อาจต้องใช้อุปกรณ์ช่วยพยุงตัว มักไม่สามารถยืนหรือเดินได้ |
SMA ชนิดที่ 3 (Kugelberg-Welander disease) | หลังอายุ 18 เดือน | กล้ามเนื้ออ่อนแรง สามารถยืนและเดินได้ แต่อาจมีปัญหาในการทรงตัว ขึ้นบันได หรือวิ่ง |
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
โรค SMA เป็นโรคทางพันธุกรรมแบบยีนด้อย หมายความว่า ผู้ป่วยจะต้องได้รับยีนที่ผิดปกติจากทั้งพ่อและแม่ พ่อแม่ที่เป็นพาหะของโรค แม้จะไม่มีอาการของโรค แต่ก็มียีนที่ผิดปกติอยู่ 1 คู่ และมีโอกาส 25% ที่จะถ่ายทอดยีนที่ผิดปกตินี้ไปยังลูก โดยทั่วไปแล้ว โรค SMA ไม่ได้เกิดจากพฤติกรรมหรือสิ่งแวดล้อม แต่เป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
การวินิจฉัยและการรักษา
การวินิจฉัยโรค SMA ทำได้โดยการตรวจทางพันธุกรรม เพื่อตรวจหายีน SMN1 ที่ผิดปกติ ส่วนการรักษาในปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรค SMA ให้หายขาด แต่มีวิธีการรักษาที่ช่วยบรรเทาอาการ ชะลอความรุนแรงของโรค และช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ได้แก่
- การทำกายภาพบำบัด เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและป้องกันข้อติด
- การใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือ เช่น รถเข็น เครื่องช่วยหายใจ เพื่อช่วยในการเคลื่อนไหวและการหายใจ
- การรักษาด้วยยา เช่น ยา Nusinersen (Spinraza) ซึ่งเป็นยาฉีดเข้าไขสันหลัง เพื่อเพิ่มการผลิตโปรตีน SMN
ข้อมูลสถิติและข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ
โรค SMA เป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้บ่อยที่สุดเป็นอันดับสองในเด็กทารก รองจากโรคซิสติก ไฟโบรซิส โดยพบผู้ป่วยโรค SMA ราว 1 ใน 6,000 - 10,000 คนทั่วโลก ข้อมูลจากงานวิจัยพบว่า ผู้ป่วยโรค SMA ส่วนใหญ่มากกว่า 95% มียีน SMN1 ที่ผิดปกติ 2 คู่ ในขณะที่ผู้ป่วยอีกประมาณ 5% มียีน SMN1 ที่ผิดปกติ 1 คู่ แต่มีจำนวนสำเนาของยีน SMN2 ที่น้อย ซึ่งส่งผลต่อปริมาณโปรตีน SMN ที่ผลิตได้ ผู้ป่วยที่มีจำนวนสำเนาของยีน SMN2 น้อย มักจะมีอาการรุนแรงกว่าผู้ป่วยที่มีจำนวนสำเนาของยีน SMN2 มาก
#โรคSMA #กล้ามเนื้ออ่อนแรง #พันธุกรรม #สุขภาพ