16 มกราคม 2568

ผู้หญิงมีแนวโน้มเป็นโรคซึมเศร้าในช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือนมากกว่าถึง 40%

ผู้หญิงมีแนวโน้มเป็นโรคซึมเศร้าในช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือนมากกว่าถึง 40%

ผู้หญิงมีแนวโน้มเป็นโรคซึมเศร้าในช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือนมากกว่าถึง 40%

ผู้หญิงมีแนวโน้มเป็นโรคซึมเศร้าในช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือนมากกว่าถึง 40%

การเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนในช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือน (Perimenopause) ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อร่างกายเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโรคซึมเศร้า งานวิจัยล่าสุดพบว่า ผู้หญิงในช่วงวัยนี้มีแนวโน้มที่จะประสบกับภาวะซึมเศร้ามากกว่าผู้ชายถึง 40% ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจและควรให้ความสำคัญ

ทำไมผู้หญิงในช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือนจึงเสี่ยงต่อโรคซึมเศร้า?

ในช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือน ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายของผู้หญิงจะลดลงอย่างรวดเร็ว ฮอร์โมนนี้มีบทบาทสำคัญในการควบคุมอารมณ์และความรู้สึก เมื่อระดับเอสโตรเจนลดลง จึงส่งผลให้เกิดอาการทางจิตเวช เช่น วิตกกังวล หงุดหงิดง่าย และซึมเศร้า นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย เช่น อาการร้อนวูบวาบ นอนไม่หลับ และน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ก็อาจทำให้ผู้หญิงรู้สึกไม่มั่นใจและเครียดมากขึ้น

ข้อมูลทางสถิติที่น่าสนใจ

จากการศึกษาของสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NIH) พบว่า:

  • ผู้หญิงในช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือนมีโอกาสเป็นโรคซึมเศร้ามากกว่าผู้ชายในวัยเดียวกันถึง 40%
  • ประมาณ 20-30% ของผู้หญิงในช่วงวัยนี้รายงานว่ามีอาการซึมเศร้าระดับปานกลางถึงรุนแรง
  • ผู้หญิงที่มีประวัติเป็นโรคซึมเศร้ามาก่อน มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าในการกลับมาเป็นซ้ำในช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือน

ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยง

นอกจากปัจจัยทางฮอร์โมนแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคซึมเศร้าในช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือน ได้แก่:

ปัจจัย รายละเอียด
ความเครียด ความเครียดจากงาน ครอบครัว หรือการเงิน อาจทำให้อาการซึมเศร้าแย่ลง
การขาดการสนับสนุนทางสังคม การขาดคนใกล้ชิดหรือเพื่อนที่เข้าใจอาจทำให้รู้สึกโดดเดี่ยว
การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย อาการร้อนวูบวาบ นอนไม่หลับ และน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อความมั่นใจ

วิธีรับมือกับภาวะซึมเศร้าในช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือน

การรับมือกับภาวะซึมเศร้าในช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือนสามารถทำได้หลายวิธี เช่น:

  1. ปรึกษาแพทย์: การรับคำปรึกษาจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อหาวิธีรักษาที่เหมาะสม เช่น การใช้ฮอร์โมนทดแทนหรือยาต้านเศร้า
  2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายช่วยเพิ่มระดับเซโรโทนินในสมอง ซึ่งช่วยปรับอารมณ์ให้ดีขึ้น
  3. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: อาหารที่มีโอเมก้า 3 สูง เช่น ปลาแซลมอน และอาหารที่มีวิตามินบี ช่วยลดอาการซึมเศร้าได้
  4. ฝึกสมาธิและโยคะ: การฝึกสมาธิและโยคะช่วยลดความเครียดและปรับสมดุลทางอารมณ์

Fun Fact

รู้หรือไม่? การศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่า ผู้หญิงที่ออกกำลังกายเป็นประจำในช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือน มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าน้อยลงถึง 30% เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ออกกำลังกายเลย

สรุป

การเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนในช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือนเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนต้องเผชิญ แต่การเข้าใจและเตรียมพร้อมรับมือกับภาวะซึมเศร้าจะช่วยให้ผ่านช่วงเวลานี้ได้อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการซึมเศร้า อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ

อ้างอิง: สถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NIH)

#สุขภาพผู้หญิง #วัยใกล้หมดประจำเดือน #โรคซึมเศร้า #สุขภาพจิต

บทความน่าสนใจ

บทความยอดนิยมตลอดกาล

บทความที่อยู่ในกระแส